แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
จำเลยที่ 2 อายุ 16 ปี กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 15 วรรคหนึ่ง วรรคสอง (เดิม), 66 วรรคสอง (เดิม) ประกอบ ป.อ. มาตรา 83 มีระวางโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิต ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกามี พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม ป.อ. (ฉบับที่ 16) ฯ มาตรา 3 ให้เพิ่มความขึ้นเป็นวรรคสองและวรรคสามของมาตรา 18 แห่ง ป.อ. ซึ่งในวรรคสามที่เพิ่มมีข้อความว่า ในกรณีผู้ซึ่งกระทำความผิดในขณะที่มีอายุต่ำกว่าสิบแปดปีได้กระทำความผิดที่มีระวางโทษประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต ให้ถือว่าระวางโทษดังกล่าวได้เปลี่ยนเป็นระวางโทษห้าสิบปี ระวางโทษตามกฎหมายที่แก้ไขใหม่จึงเป็นคุณมากกว่าระวางโทษตามกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดจึงต้องใช้กฎหมายที่แก้ไขใหม่บังคับแก่จำเลยที่ 2 ตาม ป.อ. มาตรา 3
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66 วรรคท้าย, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ริบเมทแอมเฟตามีน รถจักรยานยนต์ และโทรศัพท์เคลื่อนที่พร้อมแบตเตอรี่ของกลาง คืนธนบัตรฉบับละ 100 บาท จำนวน 10 ฉบับ ให้แก่เจ้าของ
จำเลยที่ 1 และที่ 3 ให้การปฏิเสธ
จำลเยที่ 2 ให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66 วรรคท้าย (ที่ถูก มาตรา 15 วรรคหนึ่ง วรรคสอง, 66 วรรคสอง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83) เมทแอมเฟตามีนที่จำเลยทั้งสามมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ยเป็นจำนวนเดียวกัน การกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นความผิดกรรมเดียว (ที่ถูกเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทด้วย) ต้องลงโทษตามกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด (ที่ถูก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90) แต่ความผิดทั้งสองฐานมีระวางโทษเท่ากัน จึงให้ลงโทษฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำเลยที่ 1 และที่ 3 ลงโทษประหารชีวิต จำเลยที่ 2 อายุกว่า 14 ปี แต่ไม่เกิน 17 ปี ลดมาตราส่วนโทษลงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 (ที่ถูก ประกอบมาตรา 52 (2)) กึ่งหนึ่ง จำคุก 25 ปี จำเลยที่ 1 และที่ 3 ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้จำเลยที่ 1 และที่ 3 หนึ่งในสาม ลดโทษให้จำเลยที่ 2 กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 (ที่ถูก ประกอบมาตรา 52 (1)) คงลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 3 จำคุกตลอดชีวิต จำเลยที่ 2 จำคุก 12 ปี 6 เดือน ริบของกลาง ยกเว้นเงินของกลางให้คืนแก่เจ้าของ
จำเลยที่ 1 และที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ริบรถจักรยานยนต์และโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลาง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 และที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…คดีคงมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 3 ว่า จำเลยที่ 3 ร่วมกระทำความผิดคดีนี้ด้วยหรือไม่ …ฯลฯ… พยานหลักฐานโจทก์จึงมีเหตุผลชี้ชัดให้รับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยที่ 3 ร่วมกระทำความผิดคดีนี้โดยเป็นตัวการสำคัญในการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน และเป็นผู้ควบคุมสั่งการให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ซึ่งเป็นข่ายงานของตนดำเนินการนำเมทแอมเฟตามีนมาส่งมอบให้แก่สิบตำรวจตรีเพียงศักดิ์กับพวกที่ติดต่อล่อซื้อ อันมีลักษณะเป็นการแบ่งงานกันทำและถือได้ว่าจำเลยที่ 3 ร่วมครอบครองเมทแอมเฟตามีนของกลางด้วยเช่นกัน ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาคดีชอบแล้ว
พิเคราะห์แล้ว …คดีนี้เมทแอมเฟตามีนของกลางมีจำนวน 5,800 เม็ด ที่ศาลล่างทั้งสองวางโทษจำเลยที่ 1 และที่ 3 ก่อนลดโทษให้ถึงประหารชีวิตนั้นหนักเกินไป เห็นสมควรกำหนดโทษเสียใหม่ให้เหมาะสม
อนึ่ง ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ได้มีพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 16) พ.ศ.2546 มาตรา 3 ให้เพิ่มความขึ้นเป็นวรรคสองและวรรคสามของมาตรา 18 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งความในวรรคสามที่เพิ่มมีข้อความว่า “ในกรณีผู้ซึ่งกระทำความผิดในขณะที่มีอายุต่ำกว่าสิบแปดปีได้กระทำความผิดที่มีระวางโทษประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต ให้ถือว่าระวางโทษดังกล่าวได้เปลี่ยนเป็นระวางโทษจำคุกห้าสิบปี” ปรากฏว่าขณะกระทำความผิดจำเลยที่ 2 อายุ 16 ปี ดังนั้น ระวางโทษตามกฎหมายที่แก้ไขใหม่จึงเป็นคุณมากกว่าระวางโทษตามกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิด จึงต้องใช้กฎหมายที่แก้ไขใหม่บังคับแก่จำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้คดีสำหรับจำเลยที่ 2 จะยุติ แต่คดีนี้ยังไม่ถึงที่สุด ศาลฎีกาจึงมีอำนาจยกขึ้นอ้างและแก้ไขโดยปรับบทกฎหมายให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225″
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 3 ตลอดชีวิต ลดโทษให้จำเลยที่ 1 และที่ 3 คนละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 คงจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 3 คนละ 33 ปี 4 เดือน ส่วนจำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง วรรคสอง (เดิม), 66 วรรคสอง (เดิม) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 18 วรรคสาม (ที่แก้ไขใหม่), 83 ลดมาตราส่วนโทษกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 เป็นจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 25 ปี ลดโทษอีกกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 12 ปี 6 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2