แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ข้อความที่จะทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังอันจะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทหรือไม่นั้นต้องถือตามความรู้สึกนึกคิดของบุคคลธรรมดาทั่วไป มิใช่ถือเอาแต่ความรู้สึกของผู้ที่อ้างว่าตนเป็นผู้เสียหาย การที่จำเลยทั้งสองร่วมกันว่าจ้างหนังสือพิมพ์ลงโฆษณาข้อความว่า “รถเบนซ์ 500 สีเทา9 ง8923พบแจ้งที่2711580มีรางวัล อุดม ” นั้น ในความรู้สึกนึกคิดของบุคคลโดยทั่วไปแล้ว การประกาศโฆษณาดังกล่าวหาได้ทำให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าของรถยนต์ต้องเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังแต่อย่างใดไม่ หากการประกาศโฆษณาเช่นว่านั้นจะเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเดือดร้อนรำคาญใจและเสียหาย ก็เป็นเรื่องที่โจทก์ จะต้องไปว่ากล่าวเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสองในฐานะที่กระทำละเมิดต่อโจทก์.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นลูกจ้างได้ร่วมกันว่าจ้างหนังสือพิมพ์ไทยรัฐลงโฆษณาว่า “รถเบนซ์ 500 สีเทา9 ง 8923 พบแจ้งที่ 2711580 มีรางวัล อุดม” เพื่อให้ประชาชนที่อ่านหลงเชื่อว่ารถดังกล่าวถูกคนร้ายลักขโมยสูญหาย ผู้ใดพบให้โทรศัพท์แจ้งและรับรางวัลจากโจทก์อันเป็นความเท็จ ทำให้โจทก์ถูกดูหมิ่น เกลียดชัง เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกโทรศัพท์ต่อว่าและทำให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของรถเบนซ์ดังกล่าวไม่กล้านำรถออกใช้สอยตามปกติ เพราะเคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงและตำรวจนครบาลจับและยึดรถ โจทก์ต้องชี้แจงแสดงหลักฐานว่าเป็นเจ้าของรถทำให้โจทก์เดือดร้อนรำคาญใจ ต้องไปเช่ารถอื่นมาใช้แทน การกระทำของจำเลยทั้งสองทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326, 328 และให้โฆษณาคำพิพากษาทั้งหมดหรือแต่บางส่วนในหนังสือพิมพ์หนึ่งฉบับหรือหลายฉบับเป็นเวลาหนึ่งเดือน หรือเท่ากับเวลาที่ได้หมิ่นประมาทโจทก์ไป โดยให้จำเลยเป็นผู้ชำระค่าโฆษณา
ศาลชั้นต้นพิเคราะห์ฟ้องโจทก์แล้ว เห็นว่า ข้อความที่โจทก์กล่าวหาไม่เข้าองค์ประกอบความผิดฐานหมิ่นประมาท ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาข้อกฎหมายที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า การที่จำเลยทั้งสองร่วมกันว่าจ้างหนังสือพิมพ์ลงโฆษณาข้อความดังที่โจทก์บรรยายในฟ้องจะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทหรือไม่นั้น เห็นว่า ข้อความที่จะทำให้โจทก์เสื่อมเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังอันจะเป็นความผิดตามฟ้อง ต้องถือตามความรู้สึกนึกคิดของบุคคลธรรมดาทั่วไป มิใช่ถือเอาแต่ความรู้สึกของผู้ที่อ้างว่าตนเป็นผู้เสียหาย คดีนี้แม้ข้อเท็จจริงจะฟังว่ารถยนต์และหมายเลขโทรศัพท์ตามประกาศหนังสือพิมพ์ดังกล่าวจะเป็นของโจทก์ก็ตาม แต่การที่มีผู้กระทำการประกาศโฆษณาว่ารถยนต์ของโจทก์หายไป ผู้ใดพบให้โทรศัพท์แจ้งโจทก์โดยโจทก์จะมีรางวัลให้นั้นในความรู้สึกนึกคิดของบุคคลโดยทั่วไปแล้ว การประกาศโฆษณาดังกล่าวหาได้ทำให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าของรถยนต์นั้นต้องเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังแต่อย่างใดไม่ เพราะการที่ทรัพย์สินถูกคนร้ายลักขโมยไปย่อมเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้แก่บุคคลทั่วไปหากการประกาศโฆษณาเช่นว่านั้นจะเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเดือดร้อนรำคาญใจและเสียหายจริงดังฟ้อง ก็เป็นเรื่องที่โจทก์จะต้องไปว่ากล่าวเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสองในฐานที่กระทำละเมิดต่อโจทก์ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.