แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อปรากฏว่าธนบัตรของกลางจำนวน 240 บาทที่เจ้าพนักงานตำรวจนำมาใช้ล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยทั้งสามเป็นเงินที่เจ้าพนักงานตำรวจตระเตรียมมา หาใช่เป็นของจำเลยทั้งสามไม่ จึงริบไม่ได้ต้องคืนแก่เจ้าของ ส่วนเงินสดของกลางอีกจำนวน 4,320 บาทก็เป็นทรัพย์ที่จำเลยทั้งสามได้มาจากการจำหน่ายเมทเแอมเฟตามีนก่อนหน้านี้ จึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่ผู้ใดทำหรือมีไว้เป็นความผิด หรือได้มาโดยกระทำความผิดในคดีนี้ตาม ป.อ. มาตรา 32, 33 (2) ศาลจึงไม่อาจริบได้ สำหรับเข็มฉีดยาโจทก์มิได้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานเสพเฮโรอีนมา เข็มฉีดยาไม่ใช่เครื่องมือเครื่องใช้หรือวัตถุอื่น ซึ่งจำเลยที่ 2 ได้ใช้ในการกระทำความผิดตามที่โจทก์ฟ้องดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 102 แห่ง พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 จึงไม่อาจริบได้เช่นกัน แม้จำเลยทั้งสามไม่ได้ฎีกาแต่ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาเห็นสมควรหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 26, 66, 67, 76, 102 ป.อ. มาตรา 83, 91 ริบของกลางและให้นับโทษจำเลยที่ 3 ในคดีนี้ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 7385/2540 ของศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ
จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย กับฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครอง ส่วนข้อหาความผิดฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองให้การปฏิเสธ
จำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพฐานมีกัญชาไว้ในครอบครอง ปฏิเสธข้อหาความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย และรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 26 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง, 76 วรรคหนึ่ง ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกคนละ 7 ปี ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุกคนละ 5 ปี ฐานร่วมกันมีกัญชาไว้ในครอบครอง จำคุกคนละ 2 เดือน และจำเลยที่ 2 มีความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกกระทงหนึ่ง จำคุก 2 ปี จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพ
ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตาม ป.อ. มาตรา 78 คงจำคุกฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายมีกำหนด 3 ปี 6 เดือน ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนมีกำหนด 2 ปี 6 เดือน ฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครอง คงจำคุก 1 ปี ส่วนจำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตาม ป.อ. มาตรา 78 คงจำคุก 1 เดือน รวมจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 12 ปี 2 เดือน จำเลยที่ 2 มีกำหนด 6 ปี 14 เดือน จำเลยที่ 3 มีกำหนด 12 ปี 1 เดือน ริบเงินสดและเข็มฉีดยาของกลาง ส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษจำเลยที่ 3 ในคดีนี้ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 7385/2540 นั้น เนื่องจากไม่ปรากฏว่าคดีอาญาหมายเลขดำที่ 7385/2540 ศาลชั้นต้นพิพากษาแล้ว จึงให้ยก
จำเลยที่ 1 และที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 3 ในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย ส่วนความผิดฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 เสียด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า
ธนบัตรของกลางจำนวน 240 บาท ที่เจ้าพนักงานตำรวจนำมาใช้ล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยทั้งสามนั้น ปรากฏว่าเป็นเงินที่เจ้าพนักงานตำรวจตระเตรียมมา หาใช่เป็นของจำเลยทั้งสามไม่ จึงริบไม่ได้ ต้องคืนธนบัตรดังกล่าวให้แก่เจ้าของ ส่วนเงินสดอีกจำนวน 4,320 บาท เป็นทรัพย์ที่จำเลยได้มาจากการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนก่อนหน้านี้ จึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่า ผู้ใดทำหรือมีไว้เป็นความผิด หรือได้มาโดยกระทำผิด ซึ่งหมายถึงเฉพาะความผิดที่กระทำในคดีนี้ ตาม ป.อ. มาตรา 32, 33 (2) ศาลจึงไม่อาจริบได้ สำหรับเข็มฉีดยาจำนวน 2 หลอด โจทก์มิได้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานเสพเฮโรอีนมา เข็มฉีดยาจึงมิใช่เครื่องมือ เครื่องใช้ หรือวัตถุอื่นซึ่งจำเลยที่ 2 ได้ใช้ในการกระทำความผิดตามที่โจทก์ฟ้องดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 102 แห่ง พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 จึงไม่อาจริบได้ แม้จำเลยทั้งสามไม่ได้ฎีกา แต่ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาเห็นสมควรหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ริบเงินกับเข็มฉีดยาของกลางและให้คืนแก่เจ้าของ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1.