คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 526/2529

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ติดต่อซื้อรถยนต์เพื่อใช้ในราชการและรับรถจากผู้ขายมาใช้ก่อนจำเลยได้ยืมรถคันดังกล่าวจากโจทก์ไปใช้และเกิดอุบัติเหตุได้รับความเสียหายกรณีเช่นนี้ไม่ว่าโจทก์จะได้ชำระค่าซ่อมรถให้แก่ผู้ซ่อมหรือเจ้าของรถแล้วหรือไม่ก็ตามถือได้ว่ามีข้อโต้แย้งสิทธิตามสัญญายืมใช้คงรูปเกิดขึ้นแล้วโจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยได้ ฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยได้ขอยืมรถยนต์จากโจทก์ไปใช้ต่อมาเกิดอุบัติเหตุชนกับรถยนต์คันอื่นได้รับความเสียหายซึ่งเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นในระหว่างที่โจทก์ดูแลและทดลองใช้รถยนต์คันดังกล่าวอยู่โจทก์ชำระเงินค่าซ่อมให้เจ้าของรถแล้วจำเลยมีหน้าที่ต้องรับผิดชดใช้เงินคืนแก่โจทก์ดังนี้ฟ้องโจทก์ไม่ปรากฏเหตุใดๆตามกฎหมายที่จะทำให้จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ในความเสียหายที่เกิดขึ้นเลยจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยยืมรถยนต์ปิคอัพไปจากโจทก์ ต่อมาเกิดอุบัติเหตุชนกับรถยนต์บรรทุกสิบล้อ โจทก์แจ้งให้เจ้าของรถยนต์ทราบเจ้าของได้นำไปซ่อม และเรียกค่าเสียหายจากโจทก์เพราะรถยนต์คันดังกล่าวเกิดความเสียหายขึ้นในขณะที่เจ้าของมอบให้โจทก์ดูแลและทดลองใช้อยู่ โจทก์ชำระเงินให้แก่เจ้าของไปแล้วจึงขอให้ศาลบังคับจำเลยชำระเงินค่าเสียหายจำนวน 40,000 บาทแก่โจทก์
จำเลยให้การว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะรถยนต์มิใช่ของโจทก์จำเลยไม่เคยยืมรถไปจากโจทก์ ฟ้องโจทก์ก็เคลือบคลุม
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ 30,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ไม่ได้ชำระค่าซ่อมรถยนต์ให้แก่ผู้ซ่อมหรือเจ้าของรถจึงไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษากลับ ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ข้อเท็จจริงได้ความว่า โจทก์ติดต่อซื้อรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุเพื่อใช้ในราชการ โจทก์ได้รับรถยนต์จากห้างหุ้นส่วนจำกัดโตโยต้าศรีสะเกษ ผู้ขายมาใช้ก่อน ในวันเกิดเหตุจำเลยยืมรถยนต์คันดังกล่าวจากโจทก์ไปใช้ และเกิดอุบัติเหตุได้รับความเสียหาย ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดตามสัญญายืมใช้คงรูป เมื่อรถยนต์คันที่จำเลยยืมไปใช้เกิดความเสียหาย แม้โจทก์จะได้ชำระค่าซ่อมรถยนต์ให้แก่ผู้ซ่อมหรือเจ้าของรถยนต์นั้นแล้วหรือไม่ก็ตาม ถือได้แล้วว่ามีข้อโต้แย้งสิทธิตามสัญญายืมใช้คงรูปเกิดขึ้นแล้ว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องอย่างไรก็ตามศาลฎีกาเห็นควรวินิจฉัยในปัญหาต่อไปโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่ว่าจำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ตามฟ้องหรือไม่ ในการยืมใช้คงรูปนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 643 บัญญัติว่า “ทรัพย์สินซึ่งยืมนั้น ถ้าผู้ยืมเอาไปใช้การอย่างอื่นนอกจากการอันเป็นปกติแก่ทรัพย์สินนั้นหรือนอกจากการอันปรากฎในสัญญาก็ดี เอาไปให้บุคคลภายนอกใช้สอยก็ดี เอาไปไว้นานกว่าที่ควรจะเอาไว้ก็ดี ท่านว่าผู้ยืมจะต้องรับผิดในเหตุทรัพย์สินนั้นสูญหายหรือบุบสลายไปอย่างหนึ่งอย่างใด แม้ถึงจะเป็นเพราะเหตุสุดวิสัย” เห็นว่าคำฟ้องของโจทก์กล่าวว่าจำเลยยืมรถยนต์คันเกิดเหตุไปจากโจทก์ ต่อมาเกิดอุบัติเหตุชนกับรถยนต์บรรทุกสิบล้อของบุคคลอื่น รถยนต์คันดังกล่าวเกิดความเสียหายขึ้นในระหว่างที่โจทก์ดูแลและทดลองใช้อยู่ โจทก์ชำระเงินค่าซ่อมให้เจ้าของรถแล้ว จำเลยมีหน้าที่ต้องรับผิดชดใช้เงินคืนแก่โจทก์ ตามคำฟ้องดังกล่าวไม่ ปรากฎเหตุใดตามกฎหมายที่จะทำให้จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ในความเสียหายที่เกิดขึ้นเลยดังนั้น จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลฎีกาเห็นด้วยในผล
พิพากษายืน.

Share