แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยจับโจทก์ร่วมไปหน่วงเหนี่ยวกักขังแล้วบังคับให้เขียนจดหมายถึง พ. มารดาของโจทก์ร่วมให้โอนที่ดินที่จำนองเพื่อชำระหนี้แก่ ข. แม่ยายของจำเลยหรือจำเลยนั้น จำเลยมีเจตนาเพียงเพื่อบังคับให้มารดาโจทก์ร่วมชำระหนี้แก่แม่ยายจำเลยหรือจำเลยโดยจำเลยซึ่งเป็นบุตรเขยเชื่อว่ากระทำได้ ดังนั้น ประโยชน์ที่จำเลยเรียกร้องจึงไม่ใช่ค่าไถ่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(13)การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามมาตรา 313
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309,310, 313, 83, 33 ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณานายสมบุญ พรหมมาหรือพรมมา ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 309, 310, 313 วรรคแรก อันเป็นกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามมาตรา 313 วรรคแรก ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก 15 ปี ของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 วรรคสอง, 310 วรรคแรก การกระทำเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามมาตรา 309 วรรคสอง ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 3 ปีข้อหาอื่นให้ยก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติได้ตามคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยกับพวกร่วมกันจับโจทก์ร่วมไปหน่วงเหนี่ยวกักขังแล้วบังคับให้โจทก์ร่วมเขียนจดหมายถึงนางพันมารดาให้โอนที่ดินที่จำนองให้แก่นางขันแม่ยายจำเลยหรือจำเลย ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยมีว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 313 หรือไม่ เห็นว่า การที่จำเลยจับโจทก์ร่วมไปหน่วงเหนี่ยวกักขังแล้วบังคับให้เขียนจดหมายถึงนางพันมารดาให้โอนที่ดินที่จำนองเพื่อชำระหนี้แก่นางขันแม่ยายจำเลยหรือจำเลย โดยจำเลยซึ่งเป็นบุตรเขยเชื่อว่ากระทำได้ดังนั้นประโยชน์ที่จำเลยเรียกร้องเอาจึงไม่ใช่ค่าไถ่ตามความหมายในบทนิยามคำว่า “ค่าไถ่” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(13) การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 313 วรรคแรก
พิพากษายืน