คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 525/2540

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านขอให้ถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายนั้นผู้คัดค้านต้องบรรยายในคำร้องขอถอนผู้จัดการมรดกให้ปรากฎว่าผู้ร้องละเลยไม่ทำการตามหน้าที่หรือทำผิดหน้าที่ผู้จัดการมรดกตามกฎหมายอย่างใดหรือกระทำการใดซึ่งจะเป็นที่เสื่อมประโยชน์ต่อกองมรดกของผู้ตายหรือทำให้ทายาทอื่นเสียหายประการใดอันจะเป็นเหตุที่จะถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกแต่ตามคำคัดค้านของผู้คัดค้านระบุเพียงว่าผู้ร้องมีอายุถึง75ปีแล้วไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้โดยมิได้บรรยายถึงเหตุที่ว่าไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้นั้นเป็นอย่างใดที่ว่าพฤติการณ์ที่ผ่านมาเจ้ามรดกมิได้ไว้วางใจให้ดูแลทรัพย์สินหรือเกี่ยวข้องกับทรัพย์มรดกก็มิได้เป็นเหตุถึงขนาดที่ผู้ร้องจะเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายไม่ได้ส่วนข้ออ้างที่ว่าผู้ร้องปกปิดผู้คัดค้านในการมาร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะขอให้ถอนผู้จัดการมรดกได้ดังนั้นคำคัดค้านของผู้คัดค้านจึงไม่ต้องด้วยบทกฎหมายที่จะขอให้ถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายได้ศาลจึงไม่จำต้องทำการไต่สวนคำคัดค้านของผู้คัดค้าน

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนางตุ๊หรือกิมเฮงหรือสุนี ชิวปรีชา ผู้ตายให้มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย ต่อมาผู้คัดค้านทั้งห้ายื่นคำคัดค้านว่าผู้คัดค้านทั้งห้าเป็นบุตรของผู้ร้องและนางตุ๊หรือกิมเฮง หรือสุนีชิวปรีชา ผู้ตาย เป็นทายาทมิได้รู้เห็นยินยอมให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกรายนี้ และผู้ร้องมีอายุถึง 75 ปี ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ทั้งพฤติการณ์ที่ผ่านมาเจ้ามรดกมิได้ไว้วางใจให้ดูแลทรัพย์สินหรือเกี่ยวข้องกับทรัพย์มรดกแต่อย่างใด ก่อนถึงแก่ความตายเจ้ามรดกอาศัยอยู่กับผู้คัดค้านที่ 1 และมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลทรัพย์สินตลอดมา การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเป็นคดีนี้เป็นการปกปิดมิได้บอกกล่าวแก่ผู้คัดค้านทั้งห้าและเบิกความเท็จต่อศาลพฤติการณ์ของผู้ร้องจึงไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย
ศาลชั้นต้นนัดพร้อมเพื่อสอบถามแล้ว เห็นว่า ตามคำคัดค้านไม่มีเหตุผลตามกฎหมายที่จะขอให้เพิกถอนการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ร้องได้ จึงมีคำสั่งยกคำคัดค้านของผู้คัดค้านเสีย
ผู้คัดค้าน ทั้ง ห้า อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 พิพากษายืน
ผู้คัดค้าน ทั้ง ห้า ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่ผู้คัดค้านทั้งห้าฎีกาว่า ศาลชั้นต้นยังไม่ได้มีการไต่สวนให้ปรากฎข้อเท็จจริงว่าผู้ร้องมีความเหมาะสมที่จะจัดการทรัพย์มรดกคดีนี้หรือไม่นั้น เห็นว่าก่อนที่ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งตั้งให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายนั้น ได้มีการไต่สวนคำร้องขอของผู้ร้องแล้วจนเห็นว่าผู้ร้องมีความเหมาะสมที่จะเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายจึงมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย โดยให้มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายเมื่อผู้คัดค้านทั้งห้ามายื่นคำคัดค้านขอให้ถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายหลังจากที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าวแล้วผู้คัดค้านทั้งห้าจะต้องบรรยายในคำร้องขอถอนผู้จัดการมรดกให้ปรากฎว่า ผู้ร้องละเลยไม่ทำการตามหน้าที่หรือทำผิดหน้าที่ผู้จัดการมรดกตามกฎหมายอย่างใด หรือกระทำการใดซึ่งจะเป็นที่เสื่อมประโยชน์ต่อกองมรดกของผู้ตายหรือทำให้ทายาทอื่นเสียหายประการใด อันจะเป็นเหตุที่จะถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกตามคำคัดค้านของผู้คัดค้านทั้งห้าระบุเพียงว่า ผู้ร้องมีอายุถึง75 ปีแล้วไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ แต่ก็มิได้บรรยายถึงเหตุที่ว่าไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้นั้นเป็นอย่างใด ที่ว่าพฤติการณ์ที่ผ่านมาเจ้ามรดกมิได้ไว้วางใจให้ดูแลทรัพย์สินหรือเกี่ยวข้องกับทรัพย์มรดก ก็มิได้เป็นเหตุถึงขนาดที่ผู้ร้องจะเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายไม่ได้ ส่วนข้ออ้างที่ว่าผู้ร้องปกปิดผู้คัดค้านทั้งห้าในการมาร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะขอให้ถอนผู้จัดการมรดกได้ ดังนั้น ตามคำคัดค้านของผู้คัดค้านทั้งห้าจึงไม่ต้องด้วยบทกฎหมายที่จะขอให้ถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายได้ศาลชั้นต้นจึงไม่จำต้องทำการไต่สวนคำคัดค้านของผู้คัดค้านทั้งห้า ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้ยกคำคัดค้านของผู้คัดค้านทั้งห้านั้นชอบแล้ว ฎีกาของผู้คัดค้านทั้งห้าฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share