คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 525/2495

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทำยอมต่อศาล ยอมโอนที่ดินแปลงหนึ่งของจำเลยให้ผู้ร้องภายใน 7 วัน นับแต่วันทำยอมในระหว่างนั้น โจทก์ฟ้องจำเลยเรียกเงิน ตามสัญญากู้ จำเลยก็ทำยอมใช้เงินแก่โจทก์แล้วไม่ชำระ โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานที่ดินที่จำเลยทำยอมแก่ผู้ร้องดังกล่าวข้างต้น ผู้ร้องจึงมาขัดทรัพย์ดังนี้ เมื่อปรากฏว่า ขณะนำยึด จำเลยยังไม่ได้ทำการโอนกรรมสิทธิในที่พิพาทจึงยังเป็นของจำเลยอยู่ โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้มีสิทธิที่จะยึดที่ดินรายนี้ได้

ย่อยาว

คดีนี้ ฝ่ายโจทก์เป็นเจ้าหนี้จำเลยโดยโจทก์ฟ้องเรียกเงินที่จำเลยกู้ไป จำเลยทำยอมใช้ต้นเงิน ๑๒๐๐๐ บาทกับดอกเบี้ยให้โจทก์ จำเลยไม่ชำระเงินตามยอม โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานศาลยึดที่ดิน ๑ แปลง โจทก์อ้างว่าเป็นของนายแดงจำเลย
นายจวน แก้วมี ร้องขัดทรัพย์ว่า ที่ดินที่โจทก์ยึด นายแดงจำเลยได้ทำยอมต่อศาลจังหวัดปากพนังคดีแดงที่ ๕/ ๒๔๙๓ โดยจำเลยยอมโอนที่ดินแปลงนี้ให้แก่ผู้ร้อง และจำเลยรับราคาที่ดิน ๔๐๐๐ บาทไปจากผู้ร้องแล้ว ก่อนวันที่โจทก์นำเจ้าพนักงานนำยึด ขอให้ถอนการยึด
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีสิทธินำยึดได้ พิพากษาถอนการยึดที่ดินรายพิพาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามสัญญายอมความมีข้อความว่า จำเลยได้รับเงิน ๔๐๐๐ บาทเป็นราคาที่ดินไปจากนายจวนโจทก์แล้ว จำเลยยอมโอนที่ดินให้แก่นายจวนภายใน ๗ วัน ฯลฯ ขณะโจทก์นำยึดที่ดินพิพาทนี้ นายแดงจำเลยยังไม่ได้ทำการโอนกรรมสิทธิที่ดิน ให้เป็นของผู้ร้อง เพราะยังไม่ครบกำหนดเวลา และไม่ปรากฎว่า ผู้ร้องได้เข้ายึดถือ++ ผู้เป็นเจ้าของที่ดินรายนี้แต่อย่างใด กรรมสิทธิ์ในที่ดินรายนี้ยังเป็นของนายแดงจำเลย++ ผู้เป็นเจ้าหนี้มีสิทธิที่จะนำยึดที่ดินรายนี้ได้
++กลับ ให้ยกคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้องเสีย

Share