คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5235/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคหนึ่ง การกู้ยืมเงินเกินกว่า50 บาท ขึ้นไปถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ การกู้ยืมมีหลักฐานเป็นข้อความเขียนไว้ด้านหลังของต้นขั้วเช็คเพียงว่า ได้รับเรียบร้อยแล้วและลงลายมือชื่อจำเลย ส่วนด้านหน้าระบุชื่อจำเลยที่ 1 และจำนวนเงิน 600,000 บาท ข้อความ 2 ด้านฟังประกอบกันได้ว่าได้รับเช็คเงิน 600,000 บาท ไปเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่อาจฟังขยายความออกไปได้ว่าเป็นการรับเช็คที่กู้ยืมเงินหรือรับเงินที่กู้ยืม ถือว่าไม่มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือต้องห้ามมิให้ฟ้องร้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน 600,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี
จำเลยทั้งสามขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าโจทก์จะฟ้องบังคับจำเลยได้หรือไม่ ในปัญหาข้อนี้โจทก์นำสืบว่าจำเลยทั้งสามกู้ยืมเงินโจทก์ 600,000 บาท โจทก์ออกเช็คให้จำเลยทั้งสามไปเบิกเงินจากธนาคารได้ไปครบถ้วนแล้วในการนี้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้ลงลายมือชื่อไว้ที่ต้นขั้วเช็ค ประกอบข้อความว่าได้รับเรียบร้อยแล้ว ดังนี้เห็นว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคหนึ่ง บัญญัติไว้ว่า การกู้ยืมเงินกว่า 50 บาทขึ้นไปนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ ท่านว่าจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ การกู้ยืมรายนี้มีหลักฐานเป็นข้อความเพียงว่า ได้รับเรียบร้อยแล้ว และลงลายมือชื่อจำเลยที่ 1 ที่ 2 แต่ไม่ระบุว่าได้รับอะไร อย่างไรก็ดีข้อความดังกล่าวเขียนไว้ด้านหลังของต้นขั้วเช็ค ซึ่งด้านหน้าระบุชื่อจำเลยที่ 1 และจำนวนเงิน 600,000 บาท ข้อความ 2 ด้าน อาจจะพอฟังประกอบกันได้ว่า ได้รับเช็คเงิน 600,000 บาท ไปเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่อาจจะฟังขยายความออกไปได้ว่า เป็นการรับเช็คที่กู้ยืมเงินหรือรับเงินที่กู้ยืม คดีจึงมีผลว่าโจทก์ไม่มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือ ย่อมต้องห้ามมิให้ฟ้องร้อง ศาลล่างทั้งสองพิพากษาชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share