คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 522/2538

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยสั่งจ่ายเช็คขีดคร่อมระบุชื่อโจทก์และขีดฆ่าคำว่า”หรือผู้ถือ”ออกถือได้ว่าจำเลยออกเช็คพิพาทโดยมีเจตนาชำระหนี้ให้แก่โจทก์เท่านั้นโจทก์จึงเป็นผู้ทรงโดยชอบตามป.พ.พ.มาตรา904จำเลยให้การว่าโจทก์และบุคคลอื่นได้โอนเช็คโดยการสมคบกันฉ้อฉลจำเลยก็ไม่ปรากฏว่าสมคบกันฉ้อฉลอย่างไรหรือหนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไรไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา177วรรคสองไม่ก่อให้เกิด ประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีการที่ศาลให้ งดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีจึงชอบแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ว่า โจทก์ เป็น ผู้ทรงเช็ค ซึ่ง จำเลย สั่งจ่าย ชำระหนี้ให้ โจทก์ 3 ฉบับ เป็น เช็ค ของ ธนาคาร กรุงเทพ จำกัด สาขา สามพราน ฉบับ ละ 17,361 บาท เมื่อ เช็ค ถึง กำหนด ชำระ เงิน ธนาคาร ตามเช็คปฏิเสธ การ จ่ายเงิน ทั้ง สาม ฉบับ โจทก์ ทวงถาม แล้ว จำเลย เพิกเฉยโจทก์ ขอ คิด ค่าเสียหาย เท่ากับ ดอกเบี้ย อัตรา ร้อยละ เจ็ด ครึ่ง ต่อ ปีของ ต้นเงิน 52,083 บาท นับแต่ วันฟ้อง เป็นต้น ไป จนกว่า จะ ชำระ เสร็จขอให้ บังคับ จำเลย ชำระ เงิน 52,083 บาท แก่ โจทก์ พร้อม ด้วย ดอกเบี้ยอัตรา ร้อยละ เจ็ด ครึ่ง ต่อ ปี นับแต่ วันฟ้อง เป็นต้น ไป จนกว่า จะ ชำระ เสร็จ
จำเลย ให้การ และ แก้ไข คำให้การ ว่า โจทก์ ไม่ใช่ ผู้ทรงเช็ค โดยชอบด้วย กฎหมาย จำเลย ออก เช็ค ทั้ง 3 ฉบับ ชำระหนี้ ให้ แก่ บุคคลอื่นโดย โจทก์ เป็น ผู้รับ แทน และ หนี้ ระหว่าง จำเลย กับ บุคคลอื่น เป็น หนี้ที่ ผิด กฎหมาย บุคคลอื่น โอน เช็คพิพาท ให้ โจทก์ โดย สมคบ กัน เพื่อฉ้อฉล จำเลย และ ฟ้องโจทก์ เคลือบคลุม ขอให้ ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น ตรวจ คำฟ้อง และ คำให้การ แล้ว เห็นว่า คดี พอ วินิจฉัย ได้โดย ไม่ต้อง สืบพยาน จึง สั่ง งดสืบพยาน โจทก์ และ จำเลย แล้ว พิพากษาให้ จำเลย ชำระ เงิน 52,083 บาท แก่ โจทก์ พร้อม ด้วย ดอกเบี้ย อัตราร้อยละ เจ็ด ครึ่ง ต่อ ปี นับแต่ วันฟ้อง เป็นต้น ไป จนกว่า จะ ชำระ เสร็จ
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “พิเคราะห์ แล้ว เห็นว่า คดี นี้ โจทก์กล่าวอ้าง ข้อเท็จจริง เป็น ประเด็น ว่า จำเลย ออก เช็ค 3 ฉบับสั่งจ่าย เงิน ตาม ฟ้อง มอบ ให้ โจทก์ เพื่อ ชำระหนี้ เมื่อ เช็ค ถึง กำหนดโจทก์ นำ ไป ขึ้น เงิน ธนาคาร ผู้จ่าย ปฏิเสธ การ จ่ายเงิน ตามเช็ค ทั้ง3 ฉบับ โดย ให้ เหตุผล ว่า “โปรด ติดต่อ ผู้สั่งจ่าย ” ขอให้ ศาล บังคับจำเลย รับผิด ตามเช็ค จำเลย ให้การ ว่า เช็ค ทั้ง 3 ฉบับ ตาม ฟ้องจำเลย สั่งจ่าย ชำระหนี้ ให้ แก่ บุคคลอื่น โดย โจทก์ เป็น ผู้รับ แทน แต่ หนี้ดังกล่าว นั้น เป็น หนี้ ที่ ผิด กฎหมาย โจทก์ และ บุคคลอื่น จึง ได้ โอนเช็ค โดย การ สมคบ กัน ฉ้อฉล จำเลย ฟ้องโจทก์ เคลือบคลุม โจทก์ ไม่ใช่ผู้ทรงเช็ค โดยชอบ ด้วย กฎหมาย ดังนี้ แม้ คำให้การ ของ จำเลย ดังกล่าวปฏิเสธ ข้ออ้าง ตาม ฟ้อง ของ โจทก์ แต่ ข้อเท็จจริง ใน คดี นี้ ฟังได้ตาม คำฟ้อง และ คำให้การ แล้ว ว่า เช็คพิพาท ทั้ง 3 ฉบับ เป็น เช็คขีดคร่อม สั่งจ่าย ระบุ ชื่อ โจทก์ และ ขีดฆ่า คำ ว่า “หรือ ผู้ถือ ” ออกถือได้ว่า จำเลย ออก เช็คพิพาท โดย มี เจตนา ชำระหนี้ ให้ แก่ โจทก์ เท่านั้นจึง ต้อง ฟัง ว่า โจทก์ เป็น ผู้ทรง โดยชอบ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 904 แล้ว คดี ไม่จำต้อง สืบพยาน ต่อไป ส่วน ที่ จำเลย ให้การ ว่าโจทก์ และ บุคคลอื่น สมคบ กัน ฉ้อฉล จำเลย ก็ ไม่ปรากฏ ว่า สมคบ กัน ฉ้อฉลอย่างไร หรือ หนี้ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย อย่างไร คำให้การ จำเลย ไม่ชอบ ด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสอง ย่อม ไม่ ก่อ ให้เกิด ประเด็น ข้อพิพาท แห่ง คดี จึง ไม่จำเป็น ต้อง สืบพยานโจทก์ จำเลยเช่นกัน ส่วน ประเด็น ฟ้องโจทก์ เคลือบคลุม หรือไม่ นั้น เป็น ปัญหาข้อกฎหมาย ศาล วินิจฉัย ได้เอง ดังนั้น เมื่อ จำเลย ลงลายมือชื่อสั่งจ่าย เช็คพิพาท ทั้ง 3 ฉบับ จำเลย ย่อม ต้อง รับผิด ตาม เนื้อความใน เช็ค ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 ศาลล่าง ทั้ง สองให้ งดสืบพยาน โจทก์ จำเลย แล้ว พิพากษา ให้ โจทก์ ชนะคดี ชอบแล้วฎีกา จำเลย ฟังไม่ขึ้น ”
พิพากษายืน

Share