แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องจำเลยข้อหาฆ่าผู้อื่นต่อศาลพลเรือน แต่ขณะยื่นฟ้องนั้นปรากฏแต่แรกว่าขณะเกิดเหตุข้อหาความผิดต่อชีวิต คดีนี้อยู่ในอำนาจศาลทหารที่จะพิจารณาพิพากษาดังนี้ ศาลพลเรือนย่อมไม่มีอำนาจรับไว้พิจารณา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๗ เวลากลางคืน จำเลยบังอาจใช้อาวุธปืนยิงนายสมบูรณ์ ๑ นัด โดยเจตนาฆ่า นายสมบูรณ์ถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของจำเลย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง ลงโทษจำคุก ๑๒ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ขณะยื่นฟ้องอยู่ในอำนาจศาลทหาร ศาลพลเรือนไม่มีอำนาจรับไว้พิจารณา ไม่จำต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว เห็นว่าตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒ ลงวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ข้อ ๑ ประกอบกับบัญชีท้ายประกาศข้อ (๗) และพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒ ลงวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๔ พ.ศ. ๒๕๑๗ มาตรา ๔ ให้คดีที่มีข้อหาความผิดต่อชีวิตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ บรรดาที่เกิดขึ้นในหรือหลังวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ จนถึงวันประกาศพระราชบัญญัติในราชกิจจานุเบกษา (ประกาศในราชกิจจานุเบกษาวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๑๗) ให้คงอยู่ในอำนาจศาลทหารที่จะพิจารณาพิพากษา คดีนี้เหตุเกิดเมื่อวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๗
จึงปรากฏแต่แรกสั่งประทับฟ้องแล้วว่าเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจศาลทหารที่จะพิจารณาพิพากษา การฟ้องคดีก็ต้องยื่นต่อศาลที่มีอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๗ ส่วนข้อยกเว้นตามพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. ๒๔๙๘ มาตรา ๑๕ วรรค ๒ นั้น ต้องปรากฏตามทางพิจารณาในภายหลังไม่ใช่ปรากฏว่าคดีอยู่ในอำนาจศาลทหารตั้งแต่ประทับฟ้อง หากให้อำนาจศาลพลเรือนพิจารณาพิพากษาคดีได้โดยเพียงสั่งประทับฟ้องเท่านั้น ก็หาจำต้องบัญญัติยกเว้นไว้ดังข้อความในวรรค ๒ ไม่ เทียบตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๓๕๒/๒๕๐๖ คดีระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดชลบุรี โจทก์ นายจำนงค์ เชียงเถียร จำเลยและคำพิพากษาฎีกาที่ ๓๔/๒๕๐๘ คดีระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดปราจีนบุรี โจทก์ นางสว่าง โงววัน กับพวก จำเลย จึงเห็นว่าคดีนี้ศาลพลเรือนไม่มีอำนาจรับไว้พิจารณาพิพากษาได้
พิพากษายืน