คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5211/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

นายจ้างเลิกจ้างโดยไม่ทราบว่าลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้างเป็นกรรมการลูกจ้าง จึงไม่ได้อนุญาตต่อศาลแรงงาน เมื่อนายจ้างดำเนินคดีขอให้เพิกถอนคำสั่งคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ที่มีคำสั่งให้รับลูกจ้างกลับเข้าทำงานหรือจ่ายค่าเสียหายลูกจ้างมายอมรับค่าเสียหายกับค่าชดเชยแล้วแถลงไม่ติดใจกล่าวหานายจ้างเกี่ยวกับการกระทำอันไม่เป็นธรรม ไม่ติดใจตามคำสั่งของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ ดังนี้ย่อมเป็นข้อแสดงโดยชัดแจ้งว่า ลูกจ้างยอมรับถึงความถูกต้องของการเลิกจ้างกันโดยชอบแล้ว โดยไม่จำต้องให้นายจ้างไปขออนุญาตเลิกจ้างลูกจ้างต่อศาลแรงงานอีก

ย่อยาว

โจทก์อ้างว่า เมื่อ พ.ศ.๒๕๒๖ โจทก์เข้าเป็นลูกจ้างประจำของจำเลย และเป็นกรรมการลูกจ้างในสถานประกอบกิจการของจำเลย เมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๒๙ จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยมิได้กระทำความผิด และจำเลยมิได้รับอนุญาตจากศาลแรงงาน จึงเป็นการเลิกจ้างที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้บังคับจำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงาน และจ่ายค่าจ้างให้แก่โจทก์นับแต่วันเลิกจ้าง จนกว่าจะรับโจทก์กลับเข้าทำงาน
จำเลยให้การว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะโจทก์ประพฤติผิดระเบียบข้อบังคับของจำเลย โจทก์ร้องเรียนต่อคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ คณะกรรมการฯ มีคำสั่งให้รับโจทก์กลับเข้าทำงานหรือให้จำเลยจ่ายค่าเสียหาย ๑๕,๐๐๐ บาท จำเลยฟ้องขอให้ศาลแรงงานกลางเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว แต่คดีตกลงกันได้โดยโจทก์ในคดีนี้ยอมรับค่าเสียหาย ๑๕,๐๐๐ บาท กับค่าชดเชยสามเดือนเป็นเงิน ๖,๓๐๐ บาทจากจำเลย แล้วยอมให้จำเลยเลิกจ้างตั้งแต่วันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๒๙ มูลแห่งสิทธิเรียกร้องระงับสิ้นไปแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องคดีอีก ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า โจทก์เป็นประธานสหภาพแรงงานจำเลยเลิกจ้างโจทก์ในวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๒๙ เพราะโจทก์จัดการประชุมจับกลุ่มชุมนุมชักจูงคนงานให้ฝ่าฝืนคำสั่งผู้บังคับบัญชา โจทก์ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ กล่าวหาจำเลยกลั่นแกล้งเลิกจ้างโจทก์เพราะเหตุเป็นประธานสหภาพแรงงาน คณะกรรมการฯ มีคำสั่งให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่งหน้าที่และอัตราค่าจ้างไม่ต่ำกว่าเดิม หรือให้จำเลยจ่ายค่าเสียหายแก่โจทก์ ๑๕,๐๐๐ บาท จำเลยฟ้องศาลแรงงานกลางให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว ในระหว่างการดำเนินคดีโจทก์มาศาลและตกลงกับจำเลยโดยจำเลยจ่ายเงิน ๑๕,๐๐๐ บาท และค่าชดเชย ๓ เดือน เป็นเงิน ๖,๓๐๐ บาท ให้โจทก์รับไปแล้วแถลงไม่ติดใจกล่าวหาจำเลยเรื่องการกระทำอันไม่เป็นธรรม ไม่ติดใจตามคำสั่งของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์จำเลยจึงถอนฟ้องคดีดังกล่าว วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๓๑ โจทก์จึงมาฟ้องคดีนี้ ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับทราบการแต่งตั้งโจทก์เป็นกรรมการลูกจ้าง การที่โจทก์ตกลงยอมรับค่าเสียหายและค่าชดเชยจากจำเลย มีผลเท่ากับโจทก์สมัครใจให้จำเลยเลิกจ้าง โดยโจทก์สละสิทธิเกียวกับสิทธิต่าง ๆ ในการเป็นกรรมการลูกจ้าง ข้อผูกพันดังกล่าวย่อมผูกพันโจทก์จำเลย จำเลยจึงไม่จำเป็นต้องขออนุญาตเลิกจ้างโจทก์ต่อศาลแรงงานกลาง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ขณะที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์ จำเลยไม่ทราบว่าโจทก์เป็นกรรมการลูกจ้างจึงไม่ได้ขออนุญาตเลิกจ้างต่อศาลแรงงาน ครั้นจำเลยดำเนินคดีขอให้เพิกถอนคำสั่งคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ที่มีคำสั่งให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงาน และจ่ายค่าเสียหาย ๑๕,๐๐๐ บาท แก่โจทก์โจทก์มายอมรับค่าเสียหาย ๑๕,๐๐๐ บาท กับค่าชดเชย ๖,๓๐๐ บาท เมื่อรับแล้วโจทก์แถลงว่าไม่ติดใจกล่าวหาจำเลยเกี่ยวกับการกระทำอันไม่เป็นธรรมอีกต่อไป ไม่ติดใจตามคำสั่งของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ ดังนี้ ย่อมเป็นข้อแสดงโดยแจ้งชัดว่าโจทก์ได้ยอมรับถึงความถูกต้องของการเลิกจ้างโดยชอบแล้ว โดยไม่จำต้องให้จำเลยไปขอต่อศาลแรงงานเพื่อมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยเลิกจ้างโจทก์อีก ฉะนั้น การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์ผู้เป็นกรรมการลูกจ้างโดยมิได้รับอนุญาตจากศาลแรงงานกลาง จึงหาเป็นการไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.๒๕๑๘ มาตรา ๕๒ ไม่
พิพากษายืน

Share