คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 520/2545

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ตามสัญญาจ้างจัดทำงานระบบไฟฟ้าและสื่อสารระหว่างโจทก์จำเลยตอนท้ายของสัญญาลงลายมือชื่อ อ. แม้จะไม่ปรากฏว่าอ. เป็นกรรมการของบริษัทจำเลยหรือได้รับมอบอำนาจจากจำเลยให้ทำสัญญาจ้างดังกล่าวก็ตาม แต่การที่จำเลยยอมรับงานที่โจทก์ดำเนินการตามสัญญาจ้างโดยสั่งจ่ายเช็คชำระเงินให้แก่โจทก์และเมื่อเช็คดังกล่าวไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้ จำเลยก็เสนอให้โจทก์รับชำระหนี้ด้วยบ้านและที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของกรรมการของจำเลยถือได้ว่าเป็นการยอมรับและให้สัตยาบันแก่การนั้น ย่อมผูกพันจำเลยในฐานะตัวการซึ่งได้ว่าจ้างโจทก์ตามสัญญาจ้างแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด มีนายบรรจงคลังมี เป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทน เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน2538 จำเลยว่าจ้างให้โจทก์จัดทำและติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าและสื่อสารที่สำนักงานแห่งใหญ่ของจำเลย โจทก์ดำเนินการจัดทำระบบไฟฟ้าและสื่อสารเสร็จเรียบร้อยและส่งมอบงานให้แก่จำเลย แต่จำเลยชำระค่าจ้างเพียงบางส่วน โจทก์ทวงถามแล้ว แต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 1,224,190.41 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี จากต้นเงินจำนวนดังกล่าวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยทำสัญญาว่าจ้างโจทก์ให้จัดทำและติดตั้งระบบไฟฟ้าและสื่อสาร แต่จำเลยได้ทำสัญญาว่าจ้างให้บริษัทอิมเพรสโฮม จำกัด เป็นผู้ดำเนินงานดังกล่าว สัญญาจ้างจัดทำระบบไฟฟ้าและสื่อสาร เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 3 เป็นสัญญาระหว่างบริษัทอิมเพรสโฮม จำกัด มีนายอภิชาติ ศรีอมรธรรม เป็นผู้ลงนามกับโจทก์ไม่เกี่ยวกับจำเลย และนายอภิชาติไม่ใช่ผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยหรือตัวแทนของจำเลย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 1,224,190.41บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการแรกว่า จำเลยได้ว่าจ้างโจทก์จัดทำและติดตั้งระบบไฟฟ้าและสื่อสาร ตามสัญญาจ้างจัดทำงานระบบไฟฟ้าและสื่อสารเอกสารหมายจ.3 หรือไม่ ได้ความจากทางนำสืบของโจทก์ว่า เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน2538 จำเลยว่าจ้างโจทก์จัดทำและติดตั้งระบบไฟฟ้าและสื่อสารภายในและภายนอกอาคารสำนักงานใหญ่ของจำเลย ที่อาคารดิอิมเพรสแมนชั่นตั้งอยู่ที่ซอยธรากร 4 แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร ในวงเงิน3,000,000 บาท แบ่งจ่ายค่าจ้างเป็น 5 งวด โจทก์ส่งมอบงานงวดที่ 1ถึงงวดที่ 3 จำเลยชำระค่าจ้างเรียบร้อยแล้ว งานงวดที่ 4 จำเลยชำระค่าจ้างเป็นเช็คธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขามีนบุรี จำนวน5 ฉบับ ตามเอกสารหมาย จ.6 ต่อมาธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยเปลี่ยนเป็นเช็คธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาย่อยสุขาภิบาล 3ตามเอกสารหมาย จ.7 ซึ่งธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินอีก จำเลยจึงเปลี่ยนเป็นเช็คของบริษัท ซี แอนด์ พี ซีวิลกรุ๊ป จำนวน 13 ฉบับ แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเอกสารหมาย จ.8 โจทก์ทำงานงวดที่ 4 และงวดที่ 5 เสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่อมาจำเลยขอชำระหนี้เป็นบ้านและที่ดินตามบันทึกข้อตกลงเอกสารหมาย จ.9 และ จ.10 แต่โจทก์ไม่ตกลงส่วนจำเลยอ้างว่านายอภิชาติ ศรีอมรธรรม ผู้ลงลายมือชื่อว่าจ้างในสัญญาจ้างเอกสารหมาย จ.3 ไม่ใช่กรรมการผู้มีอำนาจลงนามแทนจำเลยสัญญาจ้างไม่ได้ประทับตราบริษัท จึงไม่ผูกพันจำเลย เห็นว่า ตามสัญญาจ้างจัดทำงานระบบไฟฟ้าและสื่อสารเอกสารหมาย จ.3 ระบุว่า “ทำที่บริษัทดิอิมเพรส แมนชั่น จำกัด” และสัญญาทำขึ้นระหว่าง “บริษัทดิอิมเพรสแมนชั่น จำกัด โดยนายอภิชาติ ศรีอมรธรรม… กับบริษัทเนติพร เอ็นจิเนียริ่งจำกัด…” โดยสัญญาข้อ 1 ว่าจ้างให้จัดทำและติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าและสื่อสารทั้งภายในและภายนอกอาคารบริษัทดิอิมเพรส แมนชั่น จำกัดซอยธรากร 4 แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร จำนวน 9 ชั้น 1 หลังตอนท้ายของสัญญาลงลายมือชื่อนายอภิชาติ ศรีอมรธรรม บริษัทอิมเพรสโฮมจำกัด แม้จะไม่ปรากฏว่านายอภิชาติเป็นกรรมการของจำเลยตามหนังสือรับรองเอกสารหมาย จ.2 หรือได้รับมอบอำนาจจากจำเลยให้ทำสัญญาจ้างดังกล่าวก็ตาม แต่สถานที่ตั้งของจำเลยก็เป็นอาคารเดียวกันกับที่โจทก์ดำเนินการจัดทำและติดตั้งระบบไฟฟ้าและสื่อสารคือ ซอยธรากร 4แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร ทั้งจำเลยได้สั่งจ่ายเช็คตามเอกสารหมาย จ.6 และ จ.7 ซึ่งประทับตราของจำเลยให้ไว้แก่โจทก์ด้วยนอกจากนั้นในบันทึกข้อตกลงเอกสารหมาย จ.9 และ จ.10 ยังระบุว่าจำเลยขอชำระหนี้เป็นบ้านและที่ดินมีรายละเอียดว่า “บริษัทดิอิมเพรส แมนชั่น จำกัด โดยนางสาวพวงผกา วังประเสริฐ” ในตอนท้ายระบุว่า “นางสาวพวงผกา วังประเสริฐ บริษัทดิอิมเพรส แมนชั่น จำกัด… ลูกหนี้และ…นางสาวพวงผกา วังประเสริฐ บริษัทอิมเพรสโฮม จำกัด ลูกหนี้ผู้รับโอนสิทธิ” ซึ่งจำเลยไม่ได้นำสืบโต้แย้งเอกสารดังกล่าวไว้แต่อย่างใดดังนั้น การที่จำเลยยอมรับงานที่โจทก์ดำเนินการตามสัญญาจ้างโดยสั่งจ่ายเช็คชำระเงินให้แก่โจทก์และเมื่อเช็คดังกล่าวไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้จำเลยจึงเสนอให้โจทก์รับชำระหนี้ด้วยบ้านและที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของกรรมการของจำเลย ถือได้ว่าเป็นการยอมรับและให้สัตยาบันแก่การนั้นย่อมผูกพันจำเลยในฐานะตัวการซึ่งได้ว่าจ้างโจทก์ตามสัญญาจ้างแล้วเมื่อโจทก์ได้ดำเนินการตามสัญญาจ้างดังกล่าวจนแล้วเสร็จ และจำเลยรับไว้ใช้ในกิจการของจำเลย จำเลยจึงต้องรับผิดชำระหนี้ให้โจทก์ตามฟ้องที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share