คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 520/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นภรรยาของเจ้ามรดกโดยมิได้จดทะเบียนสมรสเจ้ามรดกมีที่ไร่มาก่อนได้จำเลยเป็นภรรยา การที่จำเลยช่วยเจ้ามรดกทำไร่และต่อมาดัดแปลงเป็นนา จะถือว่าเจ้ามรดกให้จำเลยมีส่วนเป็นเจ้าของร่วมด้วยไม่ได้นานี้ยังต้องถือว่าเป็นทรัพย์เดิมของเจ้ามรดก เมื่อเจ้ามรดกตายแล้วจำเลยไม่มีส่วนได้ด้วย
จำเลยอยู่กินกับเจ้ามรดกฉันสามีภรรยา หากจำเลยออกค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเมื่อเจ้ามรดกเจ็บป่วย ค่าใช้จ่ายนั้นย่อมไม่ใช่หนี้ที่เจ้ามรดกหรือกองมรดกจะต้องชดใช้ให้
เมื่อจำเลยไม่ใช่ภรรยายโดยชอบด้วยกฎหมาย และไม่เป็นผู้มีอำนาจและหน้าที่จัดการทำศพของเจ้ามรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1649 ถ้าจำเลยออกเงินของจำเลยทำศพเจ้ามรดกไป ก็จะขอให้หักทรัพย์มรดกชดใช้ให้ในคดีที่ทายาทฟ้องเรียกทรัพย์มรดกจากจำเลยมิได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกับนายแล่นซึ่งตายเมื่อ พ.ศ. 2503 ราว 4-5 ปีก่อนตาย นายแล่นได้อยู่กินเป็นสามีภรรยากับจำเลยแต่มิได้จดทะเบียนสมรส เมื่อตายนายแล่นมีสินเดิมคือ ที่นา 10 ไร่ ราคา 5,000 บาท กับมีทรัพย์สินที่ทำมาหาได้ร่วมกับจำเลยราคา 7,000 บาท ตามบัญชี ข. ขอให้จำเลยส่งที่นาหรือใช้ราคากับส่งทรัพย์ตามบัญชี ข. กึ่งหนึ่ง หรือใช้ราคาแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า จำเลยเป็นผู้มีสิทธิรับมรดกแต่ผู้เดียว ที่นาตามบัญชี ก. นั้นไม่ใช่สินเดิม หรือสินส่วนตัวของนายแล่น ๆ กับจำเลยช่วยกันทำมาหากินจนมีทรัพย์ตามบัญชี ก. ข. เมื่อนายแล่นป่วยจนถึงแก่ความตาย จำเลยได้ใช้เงินค่ารักษาพยาบาล ค่าพาหนะ ค่าปลงศพและทำบุญไปไม่ต่ำกว่า 4,000 บาทโจทก์กับพวกมิได้ช่วยเหลือในค่าใช้จ่าย

ศาลชั้นต้นฟังว่า ที่นาตามบัญชี ก. นายแล่นมีอยู่ก่อนที่จะอยู่กินกับจำเลยพิพากษาให้จำเลยส่งให้โจทก์ ถ้าส่งไม่ได้ ให้ใช้ราคา กับให้ส่งทรัพย์ตามบัญชี ข.กึ่งหนึ่งหรือใช้ราคาแก่โจทก์ด้วย

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกาในปัญหาเกี่ยวกับที่นาตามบัญชี ก. และว่าค่ารักษาพยาบาลและค่าทำศพผู้ตายที่จำเลยออกไปนั้นเป็นหนี้ที่กองมรดกจะต้องชำระให้จำเลย

ศาลฎีกาเห็นว่า ที่นาตามบัญชี ก. เป็นทรัพย์สินดั้งเดิมของผู้ตาย ผู้ตายทำเป็นไร่อ้อยมาก่อนได้จำเลยเป้นภรรยา เมื่อ 3 ปีมานี้ จึงสร้างคันนาทำเป็นนาขึ้น การที่จำเลยลงแรงช่วยผู้ตายทำไร่และต่อมาดัดแปลงเป็นนา ไม่เป็นเหตุที่จำเลยจะอ้างว่าจำเลยได้มีเจตนายึดถือเพื่อตนหรือถือว่าผู้ตายสละการครอบครองให้จำเลยมีส่วนเป็นเจ้าของร่วมด้วย ยังต้องถือว่าเป็นทรัพย์เดิมของผู้ตายอยู่นั่นเอง

เมื่อจำเลยอยู่กินกับนายแล่นฉันสามีภรรยา เวลานายแล่นเจ็บป่วยหากจำเลยจะได้ออกเงินค่าใช้จ่ายไปในการรักษาพยาบาล ก็เป็นการสงเคราะห์กันตามหน้าที่ธรรมจรรยา ค่าใช้จ่ายนั้นย่อมไม่ใช่หนี้ที่นายแล่นหรือกองมรดกต้องชดใช้แก่จำเลย จำเลยจึงเรียกร้องเอาจากกองมรดกของนายแล่นไม่ได้ ส่วนค่าทำศพนั้นเมื่อจำเลยไม่ใช่ภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมาย และไม่เป็นผู้มีอำนาจและหน้าที่จัดการทำศพของนายแล่นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1649 ถ้าจำเลยออกเงินของจำเลยใช้จ่ายไปในการนี้ ก็จะขอให้หักทรัพย์มรดกชดใช้ให้จำเลยเสียก่อนในคดีนี้ไม่ได้

พิพากษายืน

Share