แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้รับมรดกตามพินัยกรรมได้เซ็นชื่อในพินัยกรรมในฐานะเป็นผู้รับมรดกตามพินัยกรรม มิใช่ในฐานะพยาน แม้ผู้รับมรดกตามพินัยกรรมจะได้รู้เห็นการทำพินัยกรรมก็ตาม ก็ไม่ทำให้พินัยกรรมเสียไป
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอแบ่งมรดกนา ที่ดินปลูกบ้าน เรือน ยุ้งข้าวซึ่งเป็นมรดกของนายอุดผู้ตาย ตกทอดได้แก่โจทก์จำเลยเพราะต่างเป็นทายาทโดยธรรมของนายอุด แต่จำเลยไม่ยอมแบ่งให้ จึงขอให้แบ่งทรัพย์ดังกล่าวให้โจทก์ 3 ใน 4 ส่วน
จำเลยต่อสู้ว่า ที่ดินปลูกบ้าน เรือน และยุ้งข้าว เป็นของจำเลยส่วนนา นายอุดทำพินัยกรรมยกให้จำเลยที่ 2 โจทก์ไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับทรัพย์เหล่านี้
ศาลชั้นต้นฟังว่า ทรัพย์พิพาททั้งหมดเป็นสินสมรสระหว่างนายอุดนางพู เป็นมรดกตกได้แก่ทายาท ส่วนพินัยกรรมที่นายอุดทำยกที่นาให้แก่จำเลยที่ 2 ปรากฏว่า จำเลยที่ 2 ผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมเซ็นชื่อเป็นพยานในพินัยกรรมด้วย พินัยกรรมจึงตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1705 พิพากษาให้แบ่งทรัพย์พิพาทให้แก่โจทก์ 3 ส่วนให้จำเลย 1 ส่วน แบ่งไม่ตกลงให้ประมูลราคาระหว่างกัน ประมูลราคาไม่ตกลงให้ขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกัน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า นายอุดเป็นผู้ครอบครองที่นาพิพาทมาฝ่ายเดียวเป็นเวลา 25 ปีแล้ว ที่พิพาทจึงเป็นของนายอุด พินัยกรรมที่นายอุดทำยกนาพิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 ก็ใช้ได้ตามกฎหมาย จำเลยที่ 2 เซ็นชื่อในพินัยกรรม ในฐานะผู้รับมอบทรัพย์เท่านั้น ส่วนที่ดินปลูกบ้าน นายอุดก็ได้ยกให้แก่จำเลย นายสอ จำเลยร่วมได้แจ้งการครอบครองต่อเจ้าพนักงานว่า เป็นของนายสอตั้งแต่นายอุดยังมีชีวิตอยู่ ยุ้งข้าวและเรือน จำเลยได้สร้างขึ้นใหม่แทนของเก่าที่ชำรุดผุพังไปแล้ว ทรัพย์พิพาททั้งหมดเป็นของจำเลย พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิพากษายืน
ข้อกฎหมายเกี่ยวกับพินัยกรรมนั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าพินัยกรรมที่นายอุดทำยกนาพิพาทให้แก่จำเลยที่ 2 ถึงจำเลยที่ 2 จะได้เซ็นชื่อในพินัยกรรม ก็เซ็นในฐานะผู้รับมอบ หาใช่เป็นพยานไม่เพราะมีคำว่า ผู้รับมอบเขียนไว้หน้าชื่อจำเลยที่ 2 ส่วนผู้เป็นพยานได้เซ็นชื่อไว้เหนือชื่อจำเลยและต่อท้ายชื่อได้เขียนคำว่าพยานส่วนท้ายชื่อจำเลยที่ 2 นั้น มิได้มีคำว่าพยานเลย จำเลยที่ 2 จึงมิใช่พยานในพินัยกรรม แม้จำเลยที่ 2 จะได้รู้เห็นการทำพินัยกรรมนี้ ก็ไม่ทำให้พินัยกรรมเสียไป นาพิพาทจึงตกเป็นของจำเลยที่ 2 ตามพินัยกรรม