แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเช่าตึกพิพาทเพื่อประกอบการค้าเป็นส่วนใหญ่ขอให้ขับไล่ แต่โจทก์ยอมรับว่าจำเลยได้อยู่อาศัยในที่เช่าด้วยดังนี้ มีประเด็นเป็นข้อเท็จจริงที่จะต้องพิจารณาต่อไปว่าตึกพิพาทที่จำเลยเช่าอยู่นี้จำเลยได้เช่าเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยหรือเพียงแต่อยู่ในฐานะเพื่อประกอบธุรกิจการค้า หรืออุตสาหกรรม เพราะถ้าจำเลยเข้าอยู่ตามความในวรรคหลังพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ ก็ไม่คุ้มครองจำเลย (อ้างฎีกาที่ 1099/2491,1147/2491)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าตึกแถวของโจทก์อยู่ในทำเลการค้าขายเพื่อประกอบการค้าเป็นส่วนใหญ่ มีกำหนด 2 ปี ครบกำหนดสัญญาแล้วโจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยเช่าต่อ จึงได้แจ้งคำบอกกล่าวกับจำเลยไม่ต่ออายุสัญญาเช่า และขอให้จำเลยส่งมอบสถานที่เช่าคืน จำเลยไม่ยอมส่ง จึงขอให้ขับไล่ จำเลยให้การว่ามิได้ประกอบธุรกิจการค้าเป็นส่วนใหญ่ จำเลยได้ใช้เป็นที่อยู่อาศัยเป็นส่วนใหญ่ ย่อมได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ พ.ศ. 2489
วันชี้สองสถานคู่ความรับกันว่า จำเลยได้อาศัยอยู่ในที่เช่าด้วยและจำเลยได้รับคำบอกกล่าวแล้ว ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยาน แล้ววินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีสิทธิให้จำเลยผู้เช่าออกจากห้องเช่า พิพากษายกฟ้องศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เรื่องนี้มีประเด็นเป็นข้อเท็จจริงจะต้องพิจารณาว่า ตึกแถวที่จำเลยเช่าอยู่นี้ จำเลยได้เช่าอยู่เพื่อเป็นที่อยู่อาศัย หรือเพียงแต่อยู่ในฐานะเพื่อประกอบธุรกิจการค้าหรืออุตสาหกรรม ถ้าจำเลยเข้าอยู่ตามความหมายในวรรคหลังพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ ก็ไม่คุ้มครองจำเลย
พิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาใหม่