แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การจำหน่ายคดีตามประมวล วิ.แพ่ง ม.132 นั้นไม่เป็นบทบังคับเด็ดขาด ศาลอาจชี้ขาดคดีตาม ม.133 ก็ได้ แต่การจะชี้ขาดดังกล่าวจะทำได้ต่อเมื่อสิ้นการพิจารณา (ม.133) ถ้าเป็นเรื่องขาดนัดต้องดำเนินการตามประมวล วิ.แพ่ง ม.201 คือ ศาลสั่งจำหน่ายคดี เว้นแต่จำเลยจะแจ้งต่อศาลว่าตนตั้งใจจะดำเนินคดีต่อไปและศาลได้มีคำสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาแล้ว ทั้งมีการแสดงว่าการพิจารณาได้เสร็จสิ้นแล้วด้วย เมื่อท้องสำนวนไม่ปรากฎว่า ศาลได้สั่งให้โจทก์ขาดนัด จำเลยแสดงความจำนงจะดำเนินคดีต่อไป และมีรายงานแสดงว่าการพิจารณาได้เสร็จสิ้นแล้ว ศาลก็ได้แต่สั่งจำหน่ายคดีจะตัดสินให้ยกฟ้องหาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๕ โจทก์กับขุนนิทเทศสุขกิจแต่งงานกัน แต่มิได้จดทะเบียนสมรส ต่อมาเกิดบุตรด้วยกัน ๑ คน เมื่อ ๗ พ.ค. ๒๔๙๘ ขุนนิทเทศสุขกิจถึงแก่กรรม ก่อนถึงแก่กรรมขุนนิทเทศฯไ้ดทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินให้แก่โจทก์ และโดยที่ทรัพย์สินที่ทำมาหาได้ระหว่างโจทก์กับขุนนิทเทศฯเป็นหุ้นส่วนร่วมกันมีส่วนคนละครึ่งฉะนั้นทรัพย์ทั้งหมดตามบัญชีท้ายฟ้องอันดับ ๓ จึงเป็นของโจทก์ทั้งหมด ฝ่ายจำเลยเป็นภริยาและผู้จัดการมรดกนิทเทศฯตามคำสั่งศาลแพ่ง จำเลยลอบไปรับโฉนดไปจากกระทรวงสาธารณสุข แล้วนำไปให้สำนักงานที่ดินจังหวัดนนทบุรีใส่ชื่อจำเลย ทั้งลอบเอาทรัพย์อันดับ ๑,๒,๔,๕ จากกระทรวงสาธารณะสุขมาเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสียทั้งหมด โจทก์จึงมาฟ้องขอแบ่ง
จำเลยต่อสู้คดี
ศาลชั้นต้นกำหนดให้โจทก์เป็นฝ่ายสืบก่อน ถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ ศาลรออยู่จน ๑๐.๑๐ น. ศาลออกนั่งพิจารณาและจดรายงานกระบวนการพิจารณาว่า ฝ่ายโจทก์ไม่มีใครมาศาลเลย คงมีมาแต่ฝ่ายจำเลย และไม่มีเหตุผลสมควรที่จะเลื่อนการพิจารณาไป จึงถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบในวันเดียวกันนั้นศาลชั้นต้นได้พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ว่าที่ศาลยกฟ้องไม่ถูก ที่ถูกควรจะสั่งจำหน่ายคดี ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า ให้กลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่พิพากษา เป็นให้จำหน่ายคดีของโจทก์ตามประมวล วิ. แพ่ง ม.๒๐๑(๑) ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะเสนอคดีใหม่ภายใต้บังคับแห่งกฎหมายว่าด้วยอายุความ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การจะพิพากษาชี้ขาดตามประมวล วิ.แพ่ง ม.๑๓๓ ได้ก็ต่อเมื่อสิ้นการพิจารณาตามที่บังคับไว้ตาม ม.๑๓๓ นี้แล้ว คดีนี้ปรากฎว่าเป็นเรื่องที่ขาดนัดพิจารณาตามประมวล วิ.แพ่ง ม.๒๐๑(๑) บัญญติเพียงให้ศาลคำสั่งจำหน่ายคดีเสีย จึงไม่มีทางทำสถานอื่น เว้นแต่จะได้แจ้งต่อศาลว่าคนตั้งใจดำเนินการพิจารณาต่อไป และศาลมีคำสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาแล้วแสดงว่าการพิจารณาได้เสร็จสิ้นแล้วด้วย เมื่อนั้นจึงชี้ขาดคดีได้ เฉพาะเรื่องนี้ห้องสำนวนขาดความสำคํยที่จะต้องทำตามกฎหมายบังคับเช่นนี้ไป แม้โจทก์จะฎีกาว่าเมื่อศาลชั้นต้นจดรายงานกระบวนพิจารณาแล้วไม่มีจังหวะใดเปิดโอกาสให้จำเลยลุกขึ้นแถลง ศาลก็เห็นว่าถ้าจำเลยมีความประสงค์จะขอให้ศาลดำเนินการพิจารณาถูกต้องครบถ้วนตามกฎหมายแล้ว อย่างน้อยจำเลยก็มีโอกาสจะทำคำแถลงแสดงความประสงค์ให้ปรากฎไว้ก่อนศาลพิพากษาได้ ฯลฯ จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์