คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 519/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยบังอาจทำลายทรัพย์ที่ใช้และมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ โดยจำเลยขุดดินทำร่องน้ำทำคันนากั้นน้ำ แล้วปักดำข้าวลงในที่สาธารณประโยชน์ชื่อ ‘กุดบ้านลาด’ เป็นเหตุให้ประชาชนผู้มีสิทธิที่จะใช้ที่สาธารณประโยชน์เสียหายไร้ประโยชน์ที่จะใช้ร่วมกันขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360 เป็นการแสดงให้เห็นได้ว่า โจทก์ได้ฟ้องหาว่าจำเลยทำลาย ทำให้เสียหาย และทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์อันครบองค์ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา360 แล้ว
กระทำโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 วรรค 2หมายถึงบุคคลกระทำโดยตั้งใจและประกอบด้วยประสงค์ต่อผลอย่างหนึ่งหรืออาจเล็งเห็นผลจากการกระทำนั้นอีกอย่างหนึ่งถ้าบุคคลกระทำการใดโดยตั้งใจ แม้ประสงค์ต่อผลอย่างอื่นแต่บุคคลนั้นอาจเล็งเห็นผลจะพึงบังเกิดขึ้นจากการกระทำของตนว่าจะบังเกิดผลอย่างใดแล้วก็ถือได้ว่า ผู้นั้นเจตนาต่อการกระทำอันจะบังเกิดผลเช่นนั้น
จำเลยมุ่งประสงค์ต่อการทำนาในหนองน้ำสาธารณ แต่การกระทำของจำเลยเป็นการทำลายหรือทำให้เสียหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งหนองนั้นซึ่งจำเลยย่อมเล็งเห็นผลที่จะบังเกิดขึ้นดังกล่าว ดังนี้ถือได้ว่า จำเลยมีเจตนาทำลายหรือทำให้เสียหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งหนองน้ำนั้นด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจทำลายทรัพย์ที่ใช้และมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ โดยจำเลยขุดดินทำร่องน้ำทำคันนากั้นน้ำ แล้วปักดำข้าวลงในที่สาธารณประโยชน์ชื่อ “กุดบ้านลาด” ซึ่งเป็นทรัพย์ที่ใช้และมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ เป็นเหตุให้ประชาชนผู้มีสิทธิที่จะใช้ที่สาธารณประโยชน์เสียหายไร้ประโยชน์ที่จะใช้ร่วมกันขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360

จำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้ว่าที่ที่จำเลยทำไม่ใช่ที่สาธารณะแต่เป็นที่นาของจำเลยได้ทำมาหลายปีแล้ว

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้อง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์ตั้งข้อหาว่าจำเลยทำลายทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์อย่างเดียว หาได้ตั้งข้อหาว่าจำเลยทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ด้วยไม่ ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยบุกรุกเข้าไปทำนาในกุดบ้านลาดซึ่งเป็นที่สาธารณะ ทำให้เสื่อมค่าและไร้ประโยชน์ลงโทษจำเลยมา จึงเป็นการวินิจฉัยนอกคำฟ้อง และเห็นว่า จำเลยทำเพื่อปลูกข้าว ขาดเจตนาทำลาย ไม่จำต้องวินิจฉัยว่าเป็นทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์หรือไม่ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าคำบรรยายฟ้องของโจทก์มีใจความให้เข้าใจได้ว่า โจทก์หาว่าจำเลยขุดดินทำร่องน้ำ ทำคันนาแล้วปักดำข้าวในหนองน้ำสาธารณะเป็นการทำลายหนองสาธารณะ พร้อมทั้งระบุว่าจำเลยทำลายตัวทรัพย์อย่างไร ส่วนข้อความในฟ้องตอนที่ระบุว่า “เป็นเหตุให้ประชาชนผู้มีสิทธิที่จะใช้ที่สาธารณประโยชน์เสียหายและไร้ประโยชน์ที่จะใช้ร่วมกัน” นั้น ก็เป็นการบรรยายถึงการกระทำของจำเลยว่าการกระทำของจำเลยบังเกิดผลเสียหายแก่ทรัพย์ที่จำเลยกระทำนั้นอย่างไรต่อไปอีก คำฟ้องของโจทก์จะต้องอ่านประกอบกับข้อความที่บรรยายในตอนต้นซึ่งแสดงให้เห็นความหมายได้ว่า โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยทำลายทำให้เสียหายและทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ อันเป็นองค์ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360 นั่นเอง เรื่องเจตนาของจำเลย ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำว่าเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 วรรค 2 หมายถึงบุคคลกระทำโดยตั้งใจและประกอบด้วยประสงค์ต่อผลอย่างหนึ่งหรืออาจเล็งเห็นผลจากการกระทำนั้นอีกอย่างหนึ่ง ฉะนั้น ถ้าบุคคลกระทำการใดโดยตั้งใจแม้ประสงค์ต่อผลอย่างอื่นแต่บุคคลนั้นอาจเล็งเห็นผลที่จะพึงบังเกิดขึ้นจากการกระทำของตนว่าจะบังเกิดผลอย่างใดแล้ว ก็ถือได้ว่าผู้นั้นเจตนาต่อการกระทำอันบังเกิดผลเช่นนั้นด้วย ฉะนั้น ในคดีนี้ แม้จำเลยจะมุ่งประสงค์ต่อการกระทำนาในหนองนั้น แต่ถ้าการกระทำของจำเลยเป็นการทำลายหนองหรือทำให้เสียหายหรือ ไร้ประโยชน์ซึ่งจำเลยย่อมเล็งเห็นผลที่จะพึงบังเกิดขึ้นดังกล่าวแล้ว ก็ได้ชื่อว่าจำเลยมีเจตนาทำลายหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ศาลฎีกาเห็นว่า ถ้าหนองน้ำนี้เป็นหนองสาธารณะการที่จำเลยเข้าไปขุดดินทำคันนาและปลูกข้าวก็ย่อมทำให้เสื่อมเสียสภาพของหนองน้ำหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งถ้าจำเลยทำเพียงบางส่วนของหนองน้ำ ก็ย่อมเป็นการทำลาย ทำให้เสียหายหรือทำให้ไร้ประโยชน์ส่วนหนึ่งของหนองน้ำ แต่ศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยว่ากุดบ้านลาดเป็นที่สาธารณประโยชน์หรือไม่ จึงย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยในประเด็นข้อนี้แล้วพิพากษาใหม่

Share