แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเก็บกระเป๋าใส่เงินของเจ้าทรัพย์ซึ่งเหน็บไว้ที่เอวแล้วเลื่อนหลุดไปจากเอวในขณะนั่งดูภาพยนต์อยู่ใกล้เคียงกันในโรงภาพยนต์นั้นถือว่าทรัพย์นั้นยังอยู่ในความยึดถือของเจ้าทรัพย์ ไม่ใช่เป็นทรัพย์ที่อยู่ในสภาพของตกของหายเมื่อจำเลยเอาไปเสีย ย่อมมีความผิดฐานลักทรัพย์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า มีคนร้ายลักกระเป๋าเงินราคา 10 บาท ซึ่งมีธนบัตร45 บาท และลูกกุญแจ 1 ลูก ราคา 2 บาท บรรจุอยู่ ของนางอนุรีไปผู้เสียหายและเจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยธนบัตร 45 บาท ของผู้เสียหาย ส่วนกระเป๋าและลูกกุญแจได้คืนจากใต้ที่นั่งจำเลย เหตุเกิดเวลากลางคืนในโรงภาพยนตร์ ขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรตามประมวลกฎหมายอาญา ม. 335, 357
จำเลยปฏิเสธ
ข้อเท็จจริงฟังต้องกันทั้ง 3 ศาล ว่า จำเลยเก็บกระเป๋าใส่เงินของนางอนุรีซึ่งเหน็บไว้ที่เอวแล้วเลื่อนหลุดตกไปจากเอวในขณะนั่งดูภาพยนตร์อยู่ใกล้เคียงกันในโรงภาพยนตร์นั้น
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ไม่เป็นทั้งลักทรัพย์หรือรับของโจร พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ทรัพย์นั้นยังไม่ขาดจากการครอบครองของนางอนุรีเจ้าทรัพย์ จำเลยผิดฐานลักทรัพย์ พิพากษากลับให้จำคุก 1 ปี 6 เดือน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 คำให้การจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษลง 1 ใน 3 ตาม มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี
ศาลฎีกาเห็นว่าในที่เกิดเหตุไม่ใช่ตามถนนหนทาง แต่เป็นที่ ๆ ผู้คนกำลังนั่งดูภาพยนตร์กันอยู่มากหน้าหลายตา ซึ่งถ้าจะมีอะไรร่วงหล่นอยู่ในขณะนั้น บุคคลทั่วไปย่อมมีความเข้าใจว่าของนั้นต้องเป็นของใครคนใดคนหนึ่งทำร่วงหล่นไว้โดยยังไม่รู้สึกตัวหรือยังตามหาคืนไม่พบ กระเป๋านั้นยังไม่อยู่ในสภาพของตกของหายดังที่จำเลยฎีกาต้องถือว่ายังอยู่ในความยึดถือของนางอนุรี และถือว่าจำเลยอยู่ในฐานะที่ควรรู้หรือเข้าใจในสภาพการณ์เช่นเดียวกับบุคคลทั่วไปดังกล่าวนั้น เมื่อจำเลยหยิบเอากระเป๋านั้นไปแล้วเปิดควักเอาเงินในกระเป๋าไว้เสียและโยนกระเป๋าซึ่งเหลือแต่ลูกกุญแจไปหลบไว้ใต้เก้าอี้ที่จำเลยนั่งทางหลังออกไป ย่อมแสดงแจ้งชัดอยู่ในอาการนั้นเองว่า จำเลยหยิบเอากระเป๋าพร้อมด้วยเงินของเขาไปโดยทุจริตการกระทำของจำเลยเป็นผิดฐานลักทรัพย์ แต่ควรให้โอกาสจำเลยกลับตัว จึงพิพากษาแก้ว่าโทษจำคุก 1 ปีนั้น ให้รอการลงโทษไว้ 5 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56