แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความรับผิดของนายวงในการเล่นแชร์นั้น ย่อมแล้วแต่ตกลงสัญญากัน จะเป็นโดยตรงหรือโดยปริยาย คือ อาศัยระเบียบหรือวิธีปฎิบัติที่เคยเล่นกันมาก็ได้ และจะอ้างประเพณีการเล่นแชร์มาใช้ก็ได้ในเมื่อหมายถึงการตกลงเล่นแชร์ตามวิธีที่เคยปฏิบัติกันมานั่นเอง ซึ่งถือว่าได้ตกลงโดยปริยานเช่นนั้น
นายวงแชร์รับเงินลงแชร์จากลูกวง แล้วออกใบรับเงินซึ่งตนเป็นผู้ลงชื่อให้ยึดถือไว้ เงินที่รวบรวมจากลูกวงนั้น นายวงเอาไปให้ผู้ที่ประมูลหรือเปียแชร์ได้ โดยผู้ที่ประมูลได้นั้นต้องทำหนังสือสัญญากู้เงินให้นายวงไว้เท่ากับจำนวนที่ผู้นั้นจะต้องส่งเงินแชร์ต่อไปจนถึงเดือนสุดท้าย ดังนี้ ทำให้นายวงมีสิทธิเรียกร้องเอาเงินจากผู้ทำสัญญากู้ดังว่าเป็นเงินของนายวงเอง ลูกวงคนอื่น ๆ ทำได้เป็นเจ้าหนี้ด้วยไม่ การที่นายวงรับเงินจากลูกวงจึงเป็นการรับโดยมีข้อตกลงโดยปริยายว่านายวงจะเป็นผู้รับผิดคืนเงินนี้ให้เมื่อถูกวงนั้น ๆ ประมูลได้ หรือรับเป็นมือท้าย นายวงจึงต้องรับผิดในเงินที่รับไปจากลูกวงแล้ว และนายวงเช่นนี้ไม่ใช่เป็นคนกลางเพราะลูกวงไม่ได้ตกลงเล่นแชร์กันเอง แต่เล่นกับนายวง
นายวงจ่ายเงินให้ผู้ประมูลได้โดยทำสัญญาเป็นลูกหนี้นายวง นายวงจึงไม่ใช่ผู้ค้ำประกันอย่างค้ำประกันลูกหนี้ จึงไม่ต้องทำเป็นหนังสือเช่นค้ำประกันธรรมดา
ลูกวงที่ต้องส่งเงินลงแชร์ให้นายวงเดือนละ 1,000 บาท แม้จะส่งจริงไม่ถึง 1,000 บาทเพราะหักดอกเบี้ยที่นายวงจะต้องไปเก็บจากผู้ประมูลได้มาชำระให้ไว้เสียเลย เมื่อส่งเงินลงแชร์ได้ 10 ครั้ง แล้วแชร์ล้ม ลูกวงมีสิทธิอ้างว่าเป็นเจ้าหนี้ของนายวงอยู่เป็นจำนวนแน่นอนคือ 10,000 บาทได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นหนี้เงินค่าแชร์โจทก์ ๑๐,๐๐๐ บาท แล้วผิดนัดไม่ชำระให้ทั้งถือได้ว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว ขอให้พิพากษาให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย และมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยโดยเด็ดขาด
จำเลยให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง
ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยเป็นนายวงแชร์ โจทก์เป็นลูกวงเล่นแชร์กัน ๑๕ มือ ๆ ละ ๑,๐๐๐ บาทต่อเดือน ทั้งนายวงและลูกวงต้องส่งเงินทุกเดือนตามจำนวนมือที่เล่น วงที่โจทก์ฟ้องนี้โจทก์เล่น ๑ มือ ส่งเดือนละ ๑,๐๐๐ บาท เดือนแรกเป็นของนายวงโดยไม่ต้องประมูลและไม่ต้องเสียดอกเบี้ย เดือนต่อ ๆ ไปใครประมูลให้ดอกเบี้ยสูงกว่าก็ได้เงินไป แต่ต้องจ่ายดอกเบี้ยเท่าที่ประมูลให้แก่ผู้ลงเงินทุกคน การส่งเงินแชร์จำเลยออกใบรับเงินให้ เมื่อผู้ใดประมูลหรือเปียได้ต้องทำหนังสือกู้เงินให้จำเลยยึดถือไว้เท่าจำนวนเงินที่ต้องส่งต่อไปเดือนละ ๑,๐๐๐ บาทจนถึงเดือนสุดท้าย แชร์เล่นกันมาได้ ๑๐ เดือน ก็ล้มเลิก โจทก์ยังไม่ได้เปียแชร์และจำเลยได้รับเงินแชร์ไปจากโจทก์แล้วรวม ๑๐ ครั้ง ทำใบรับเงินให้โจทก์ถือไว้ ๑๐ ฉบับ แต่ละฉบับระบุว่าได้รับเงิน ๑,๐๐๐ บาท เมื่องดการเล่นแชร์แล้วจำเลยแจ้งว่าจะคืนเงินที่รับไปจากโจทก์ทั้งหมด แต่แล้วก็ไม่ชำระและหลบหนีออกจากบ้าน
ศาลแพ่งพิจารณาแล้วมีคำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์จำเลยไว้เด็ดขาดตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๔
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ปัญหามีว่า จำเลยผู้เป็นนายวงจะต้องรับผิดคืนเงินให้โจทก์หรือไม่ และวินิจฉัยว่า
๑. ความรับผิดของนายวงในการเล่นแชร์นั้น ย่อมแล้วแต่ตกลงสัญญากัน จะเป็นการตกลงกันโดยตรงหรือโดยปริยายอาศัยระเบียบหรือวิธีปฏิบัติที่เคยเล่นกันมาก็ได้ คดีนี้ จำเลยเป็นนายวงรับเงินจากลูกวงแล้วออกใบรับเงินที่จำเลยเป็นผู้ลงชื่อให้ยึดถือไว้ ส่วนผู้ที่ประมูลหรือเปียได้ต้องทำหนังสือสัญญากู้ให้จำเลยไว้ โดยจำเลยเเอาเงินที่คนรับมาจ่ายให้ผู้ทำสัญญากู้ไป ทำให้จำเลยมีสิทธิเรียกร้องเอาเงินจากผู้ทำสัญญากู้ดังว่าเป็นเงินของจำเลยเอง ลูกวงคนอื่น ๆ หาได้เป็นเจ้าหนี้ด้วยไม่ ดังนั้น การที่จำเลยรับเงินจากลูกวงจึงมีข้อตกลงโดยปริบายว่าจำเลยจะเป็นผู้รับผิดคืนเงินนี้ให้เมื่อประมูลได้หรือรับเป็นคนสุดท้ายโดยไม่ต้องประมูล และเรื่องนี้ จำเลยไม่ใช่เพียงเป็นคนกลางเพราะลูกวงไม่ได้ตกลงเล่นแชร์กันเอง แต่ตกลงเล่นแชร์กับจำเลย ๆ ออกใบรับเงินให้ และจำเลยจ่ายเงินเองในฐานะที่ตนเป็นเจ้าหนี้ จำเลยจึงต้องรับผิดในการรับเงินของผู้ที่เล่นแชร์กับจำเลย
๒. ที่จำเลยคัดค้านว่า การเล่นแชร์ไม่มีประเพณีที่กฎหมายรับรองจะเอาประเพณีมาใช้ไม่ได้นั้น เห็นว่า เรื่องเล่นแชร์นี้เป็นเรื่องตกลงสัญญากัน ประเพณีที่โจทก์อ้างหมายถึงการตกลงเล่นแชร์ตามวิธีที่เคยปฏิบัติกันมานั่นเอง ซึ่งถือว่าได้ตกลงโดยปริยายเช่นนั้น
๓. จำเลยจ่ายเงินให้ผู้ประมูลได้โดยทำสัญญาเป็นลูกหนี้จำเลย มิได้เป็นลูกหนี้ลูกวงแชร์คนอื่น จำเลยผู้เป็นนายวงจึงไม่ใช่ผู้ค้ำประกันอย่างค้ำประกันลูกหนี้ เป็นแต่นายวงรับเงินจากลูกวงโดยรับรองว่าจะคืนเงินให้เมื่อถึงเวลาที่เขามีสิทธิจะได้รับเงิน นายวงต้องรับผิดเป็นส่วนตัว จึงไม่ต้องทำเป็นหนังสือเช่นค้ำประกันธรรมดา
๔. จำเลยรับเงินจากโจทก์เดือนละ ๑,๐๐๐ บาท ๑๐ เดือน เป็นเงิน ๑๐,๐๐๐ บาทเป็นหนี้จำนวนแน่นอนแล้ว แม้ดอกเบี้ยที่ผู้ประมูลได้พึงจ่ายและจำเลยพึงรับมาจ่ายให้โจทก์นั้น จะถูกหักจากเงิน ๑,๐๐๐ บาท นั้น ให้โจทก์ไว้เลย ก็ย่อมยกให้เป็นอีกจำนวนหนึ่ง
ผลที่สุด พิพากษายืน