แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยขับขี่รถยนต์บรรทุกที่มีความสูงเกิน 2.50 เมตร อันเป็นรถที่อยู่ในความควบคุมของกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกไปในทางที่มีแสงสว่างไม่เพียงพอที่จะมองเห็นคน รถหรือสิ่งกีดขวางในทางได้โดยชัดแจ้งภายในระยะไม่น้อยกว่า 150 เมตร โดยจำเลยไม่เปิดไฟที่โคมไฟแสดงส่วนสูง ส่วนกว้างและลักษณะรถแสงเขียวที่ด้านหน้าตอนบนหลังคารถ จำเลยจึงมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 11 ประกอบกฎกระทรวง ฉบับที่ 4 และฉบับที่ 9 ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับขี่รถยนต์บรรทุกสิบล้อซึ่งเป็นรถที่ใช้ในการขนส่งบรรทุกเหล็กเส้น เข้าลักษณะตามกฎกระทรวงฉบับที่ ๔ ซึ่งออกตามความในมาตรา ๗ มาตรา ๒๓ วรรคสอง และมาตรา ๒๘ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.๒๕๒๒ วิ่งมาตามถนนวิภาวดีรังสิตมุ่งห้าขึ้นทางด่วนดินแดง ซึ่งขณะนั้นมีแสงสว่างไม่เพียงพอที่จะมองเห็นคน รถหรือสิ่งกีดขวางในทางได้โดยชัดแจ้งภายในระยะไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบเมตร จำเลยไม่เปิดไฟที่โคมไฟแสดงส่วนสูง ส่วนกว้างและลักษณะรถแสงเขียวที่ด้านหน้าตอนบนหลังคารถคันดังกล่าวทั้งที่มีความสูงเกิน ๒.๕๐ เมตร ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๑๑,๑๔๘ กฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ และ ฉบับที่ ๙ ซึ่งออกตามความในมาตรา ๗,๒๓,๒๘ และ ๗๑ แห่งพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.๒๕๒๒
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๑๑,๑๔๘ ปรับ ๔๐๐ บาท คำเบิกความของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสี่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงปรับ ๓๐๐ บาท ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๙,๓๐ ที่แก้ไขเพิ่มเติมแล้ว
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาเฉพาะข้อกฎหมายขึ้นมาสู่การพิจารณาของศาลฎีกาว่า การที่จำเลยขับขี่รถยนต์บรรทุกซึ่งมีความสูงเกิน ๒.๕๐ เมตร โดยไม่เปิดไฟที่โคมไฟแสดงส่วนสูง ส่วนกว้างและลักษณะรถแสงเขียวที่ด้านหน้าตอนบนหลังคารถจะเป็นความผิดตามบทกฎหมายที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาจำต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนว่า จำเลยขับขี่รถยนต์บรรทุกที่มีความสูงเกิน ๒.๕๐ เมตร อันเป็นรถที่อยู่ในความควบคุมของกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก ไปในทางที่มีแสงสว่างไม่เพียงพอที่จะมองเห็นคน รถ หรือสิ่งกีดขวางในทางได้โดยชัดแจ้งภายในระยะไม่น้อยกว่า ๑๕๐ เมตร โดยจำเลยไม่เปิดไฟที่โคมไฟแสดงส่วนสูง ส่วนกว้าง และลักษณะรถแสงเขียวที่ด้านหน้าตอนบนหลังคารถ พิเคราะห์แล้วพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๑๑ บัญญัติว่า “ในเวลาที่มีแสงสว่างไม่เพียงพอที่จะมองเห็นคน รถ หรือสิ่งกีดขวางในทางได้โดยชัดแจ้งภายในระยะไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบเมตร ผู้ขับขี่ซึ่งรถในทางต้องเปิดไฟหรือใช้แสงสว่างตามประเภท ลักษณะ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง” และตามข้อ ๑ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ.๒๕๒๒) ออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.๒๕๒๒ กำหนดให้รถทุกชนิดที่อยู่ในความควบคุมของกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกต้องมีโคมไฟตามประเภทและลักษณะที่ กำหนดตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก ซึ่งตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.๒๕๒๒ ได้มีกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ.๒๕๒๔) ข้อ ๙(๒) กำหนดให้รถที่ใช้ในการขนส่งสัตว์หรือสิ่งของเป็นรถที่อยู่ในลักษณะที่จะได้รับอนุญาตให้ใช้ในการประกอบการขนส่ง และมีกฎกระทรวง ฉบับที่ ๙ (พ.ศ.๒๕๒๔) หมวด ๒ ส่วนที่ ๑ ข้อ ๑๕ (๗) (ซ) ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.๒๕๒๒ กำหนดให้รถที่ใช้ในการขนส่งสัตว์หรือสิ่งของดังกล่าวที่มีความสูงเกิน ๒.๕๐ เมตร จะต้องมีโคมไฟแสดงส่วนสูง ส่วนกว้าง และลักษณะรถแสงเขียวที่ด้านหน้าตอนบนหลังคารถ จำนวน ๔ ดวง โดยติดดวงริมให้อยู่ห่างจากด้านข้างริมสุดไม่เกิน ๑๐ เซนติเมตร และติดดวงในให้ห่างจากดวงริมเป็นระยะประมาณ ๔๐ เซนติเมตรจากบทบัญญัติดังกล่าว เห็นได้ชัดว่ากฎหมายบังคับให้เป็นหน้าที่ของผู้ขับขี่รถในเวลาที่มีแสงสว่างไม่เพียงพอที่จะมองเห็นคน รถ หรือสิ่งของในทางได้โดยชัดแจ้งภายในระยะไม่น้อยกว่า ๑๕๐ เมตร จะต้องเปิดไฟหรือใช้แสงสว่างตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงการที่จำเลยขับขี่รถยนต์ดังกล่าวไปในถนนที่มีแสงสว่าง ไม่เพียงพอที่จะมองเห็นคน รถ หรือสิ่งกีดขวางได้ชัดแจ้งภายในระยะไม่น้อยกว่า ๑๕๐ เมตร โดยไม่เปิดไฟที่โคมไฟแสดงส่วนสูง ส่วนกว้าง และลักษณะรถแสงเขียวที่ด้านหน้าตอนบนหลังคารถดังกล่าว จึงเป็นความผิดตามบทกฎหมายดังกล่าวแล้ว กรณีหาเป็นเรื่องที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นความผิดดังที่จำเลยฎีกามาแต่อย่างใด ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน