คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 517/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำร้องขอของผู้ร้องระบุไว้ชัดแจ้งว่า การที่นายทะเบียนบริษัทขีดชื่อบริษัทออกเสียจากทะเบียนทำให้ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ของบริษัทเสียหายโดยไม่เป็นธรรมจึงชอบด้วย ป.พ.พ. มาตรา 1246(6) แล้ว
การที่ศาลจะสั่งและวางข้อกำหนดไว้เป็นประการใด ๆ ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1246(6) ต้องเพื่อความยุติธรรมและโดยจุดประสงค์เพื่อจัดให้บริษัทเข้าสู่ฐานอันใกล้ที่สุดกับฐานเดิมเสมือนดังว่าบริษัทนั้นมิได้ถูกขีดชื่อออกจากทะเบียนเลยหาใช่สั่งและวางข้อกำหนดให้บริษัทหลุดพ้นหน้าที่ตามกฎหมายที่ต้องปฏิบัติไม่ จึงไม่มีเหตุที่ศาลจะสั่งและวางข้อกำหนดให้บริษัทไม่ต้องทำบัญชีงบดุล ตรวจสอบบัญชี ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นและหน้าที่อื่นตามกฎหมาย

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ระหว่างวันที่ 5 กันยายน 2533 ถึงวันที่ 26 พฤษภาคม 2535 ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ของบริษัท เอ. อาร์. เอส. พี. กรุ๊ป จำกัด ตามสัญญากู้เงินรวม 4 ฉบับ รวมต้นเงินและดอกเบี้ยคิดถึงวันยื่นคำร้องขอ 78,155,635.62 บาท ผู้ร้องทวงถามแล้ว แต่บริษัทดังกล่าวเพิกเฉยไม่ชำระหนี้ให้ ต่อมาผู้ร้องทราบว่า เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2538 นายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท สำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครได้ขีดชื่อบริษัทดังกล่าวออกจากทะเบียนเป็นบริษัทร้าง ตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1246 ทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหาย เพราะไม่สามารถฟ้องร้องดำเนินคดีแก่บริษัทดังกล่าวได้ ขอให้มีคำสั่งให้นายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท สำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครกลับจดชื่อบริษัท เอ. อาร์. เอส. พี. กรุ๊ป จำกัด คืนเข้าสู่ทะเบียน เพื่อผู้ร้องจะได้ดำเนินการทางกฎหมายแก่บริษัทดังกล่าวต่อไป
ผู้คัดค้านทั้งสองยื่นคำคัดค้านว่า หากศาลมีคำสั่งให้นายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร กลับจดชื่อบริษัท เอ. อาร์. เอส. พี. กรุ๊ป จำกัด คืนเข้าสู่ทะเบียนแล้ว จะเป็นผลให้บริษัทกลับมีหน้าที่ต้องจัดทำบัญชีงบดุลตามกฎหมายซึ่งบริษัทไม่สามารถจัดทำได้เพราะไม่มีค่าใช้จ่าย การเรียกประชุมผู้ถือหุ้นกระทำได้ยากเพราะบริษัทขาดเงินทุนหมุนเวียนจึงไม่ได้ประกอบกิจการมาเป็นเวลานานแล้ว และกิจการของบริษัทมีแต่ทางขาดทุนไม่สามารถพลิกฟื้นขึ้นมาได้อีก ขอให้ยกคำร้องขอ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งว่า ให้นายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท สำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร กลับจดชื่อบริษัท เอ. อาร์. เอส. พี. กรุ๊ป จำกัด คืนเข้าสู่ทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1246 (6) ให้ผู้คัดค้านทั้งสองใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนผู้ร้องโดยกำหนดค่าทนายความให้ 3,000 บาท
ผู้คัดค้านที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้ผู้คัดค้านที่ 2 ใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ 500 บาท แทนผู้ร้อง
ผู้คัดค้านที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว ที่ผู้คัดค้านที่ 2 ฎีกาขอให้ศาลฎีกาสั่งและวางข้อกำหนดให้บริษัท เอ. อาร์. เอส. พี. กรุ๊ป จำกัด ไม่ต้องทำบัญชีงบดุล ตรวจสอบบัญชี ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นและหน้าที่อื่นตามกฎหมายนั้น เห็นว่าการที่ศาลจะสั่งและวางข้อกำหนดไว้เป็นประการใด ๆ ต้องเพื่อความยุติธรรมและโดยจุดประสงค์เพื่อจัดให้บริษัทเข้าสู่ฐานอันใกล้ที่สุดกับฐานเดิมเสมือนดั่งว่าบริษัทนั้นมิได้ถูกขีดชื่อออกจากทะเบียนเลย หาใช่สั่งและวางข้อกำหนดให้บริษัทหลุดพ้นหน้าที่ตามกฎหมายที่ต้องปฏิบัติไม่ จึงไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะสั่งและวางข้อกำหนดดังกล่าว ฎีกาของผู้คัดค้านที่ 2 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้ผู้คัดค้านที่ 2 ใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา 1,500 บาท แทนผู้ร้อง

Share