แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การสอบสวนก่อนยื่นฟ้องคดีนั้นกฎหมายมิได้บัญญัติว่าจะต้องสอบสวนมากน้อยเพียงใด การที่เจ้าพนักงานสอบสวนจดปากคำจำเลยแต่เพียงปากเดียว ก็ถือว่าได้มีการสอบสวนในเรื่องนั้นแล้วได้ สรรพสามิตต์อำเภอจะทำการสอบสวนคดีโดยลำพังได้หรือไม่
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยข้อกฎหมายแล้วพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์โดยไม่วินิจฉัยข้อเท็จจริงต่อไป เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษากลับข้อกฎหมายของศาลชั้นต้นแล้วก็มีอำนาจวินิจฉัยข้อเท็จจริงแห่งคดีแล้วพิพากษาโดยมิต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยในข้อเท็จจริงใหม่
ย่อยาว
จำเลยต้องหาว่าทำร้ายร่างกาย ในชั้นสอบสวนผู้รักษาการแทนนายอำเภอทำการสอบสวนปากคำจำเลยปากเดียว คำพะยานนอกจากนั้นสรรพสามิตต์อำเภอเป็นผู้สอบสวนโดยลำพัง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าสรรพสามิตต์อำเภอไม่ใช่เจ้าพนักงานสอบสวน เรื่องนี้จึงได้ชื่อว่าพนักงานอัยยการฟ้องร้องก่อนเสร็จสิ้นการสอบสวน พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์โดยไม่วินิจฉัยข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าประมวลวิธีพิจารณาอาญา ม.๑๒๐ ห้ามมิให้อัยยการยื่นฟ้องคดีโดยมิได้มีการสอบสวนในความผิดนั้นก่อนเท่านั้น หาได้บัญญัติว่าต้องสอบสวนมากน้อยเท่าใดไม่ เรื่องนี้ผู้รักษาการแทนนายอำเภอได้สอบสวนปากคำจำเลยแล้ว คดีจึงไม่ต้องห้ามตามกฎหมายข้างต้น ส่วนข้อเท็จจริงคงฟังว่าจำเลยทำผิดตามฟ้องจึงพิพากษาลงโทษจำเลยตาม ม.๒๕๖(๘)
ศาลฎีกาตัดสินว่าการสอบสวนคดีก่อนฟ้องนั้นเจ้าพนักงานจะทำมากน้อยเพียงใดก็หาต้องด้วยข้อห้ามตามประมวลวิธีพิจารณาอาญาไม่ ฉะเพาะคดีนี้เจ้าพนักงานอาจเห็นว่าคดีมีมูลพอแล้วก็ได้ การสืบพะยานนอกนั้นอาจถือว่าเป็นการสืบสวนเท่านั้น จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์