คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5158/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พฤติการณ์ที่จำเลยรับเป็ดของกลางจำนวนมากถึง 1,000 ตัวไว้จาก ป. โดยไม่มีข้อตกลงในการซื้อขายหรือฝากเลี้ยงกันในลักษณะใดนั้น ถือได้ว่าเป็นการรับไว้โดยประการใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357
จำเลยที่ 3 ฎีกาว่า รับเป็ดของกลางไว้โดยไม่รู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ เป็นการฎีกาโต้แย้งในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นเพียงเล็กน้อย จึงเป็นฎีกาที่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๔, ๓๓๕,๓๕๗, ๘๓ ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันคืนทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนหรือใช้ราคา ๑๔,๐๐๐ บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ มีความผิดฐานรับของโจรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๗ ลงโทษจำคุกคนละ๒ ปี จำเลยที่ ๒ ให้การรับสารภาพชั้นสอบสวน ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก ๑ ปี ๔ เดือน เนื่องจากจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ผิดฐานรับของโจร ของกลางผู้เสียหายได้รับคืนแล้ว คำขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ให้ยกเสีย และยกฟ้องจำเลยที่ ๑
จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๓ มีความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๗ วรรคแรก ยกฟ้องจำเลยที่ ๒นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ จำเลยที่ ๓ ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ ๒ ไม่มีความผิดฐานรับของโจรแล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ฎีกาของจำเลยที่ ๓ ที่ว่าการกระทำของจำเลยที่ ๓ ยังไม่ครบองค์ประกอบความผิดฐานรับของโจรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๗ วรรคแรก เพราะการกระทำของจำเลยที่ ๓ ยังไม่เป็นการซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสียซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใด ๆ ซึ่งทรัพย์อันได้มาจากการกระทำความผิด จำเลยที่ ๓ ยังไม่ได้ตกลงรับซื้อเป็ดของกลางไว้จากนายปอง เพราะจำเลยที่ ๓ จะต้องไปสอบถามเถ้าแก่เสียก่อนว่าจะรับซื้อหรือไม่และจำเลยที่ ๓ รับเอาเป็ดของกลางไว้โดยไม่รู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์นั้น เห็นว่าพฤติการณ์ที่จำเลยที่ ๓ รับเป็ดของกลางเป็นจำนวนมากถึง ๑,๐๐๐ ตัวไว้จากนายปองโดยไม่มีข้อตกลงในการซื้อขายหรือฝากเลี้ยงกันในลักษณะใดนั้น ถือได้ว่าเป็นการรับไว้โดยประการใดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๗ แล้ว ส่วนฎีกาของจำเลยที่ ๓ที่อ้างว่ารับเป็ดของกลางไว้โดยไม่รู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์นั้น เป็นการฎีกาโต้แย้งในปัญหาข้อเท็จจริงในคดีซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นเพียงเล็กน้อยต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๘วรรคแรก ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายืน.

Share