แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ยกที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยทั้งสามโดยโจทก์ยังมีสิทธิเก็บผลประโยชน์ในที่ดินพิพาทอยู่ตลอดชีวิต แม้สิทธิดังกล่าวจะมิได้มีการจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ แต่ก็เป็นภาระเกี่ยวกับที่ดินพิพาท ถือได้ว่าเป็นการให้สิ่งที่มีค่าภารติดพัน โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องถอนคืนการให้เพราะเหตุเนรคุณได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 535(2)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนให้โดยเสน่หาซึ่งที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เลขที่ 34 หมู่ที่ 4 ตำบลสร้อยทองอำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ระหว่างโจทก์กับจำเลยทั้งสามและให้จำเลยทั้งสามดำเนินการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมถอนชื่อจำเลยทั้งสามออกจากที่ดินแปลงดังกล่าวหากไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสาม
จำเลยทั้งสามให้การและแก้ไขคำให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า คำฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุมการยกให้ที่ดินพิพาทเป็นการให้สิ่งที่มีค่าภารติดพัน โจทก์ถอนคืนการให้ไม่ได้ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่า ฟังไม่ได้ว่าเป็นการให้สิ่งที่มีค่าภารติดพัน โจทก์มีสิทธิถอนคืนการให้ได้ แต่จำเลยทั้งสามมิได้ด่าว่าโจทก์ โจทก์จึงถอนคืนการให้ไม่ได้ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติตามที่คู่ความนำสืบรับกันและตามที่ศาลล่างทั้งสองฟังมาโดยคู่ความมิได้ฎีกาโต้เถียงกันว่า จำเลยทั้งสามเป็นหลานของโจทก์และเคยอยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของโจทก์ โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินซึ่งเป็นที่นาตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เลขที่ 34 หมู่ที่ 4 ตำบลสร้อยทองอำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ตามเอกสารหมาย จ.4(ล.1) เมื่อปี 2524 โจทก์ได้ยกที่ดินแปลงดังกล่าวให้จำเลยทั้งสามคนละหนึ่งในสี่ส่วนโดยจดทะเบียนโอนใส่ชื่อจำเลยทั้งสามถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับโจทก์โดยไม่มีค่าตอบแทนแต่โจทก์มีสิทธิเก็บผลประโยชน์จากที่ดินดังกล่าวตลอดชีวิต
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า การที่โจทก์ยกที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยทั้งสามโดยโจทก์ยังมีสิทธิเก็บผลประโยชน์ในที่ดินพิพาทอยู่ตลอดชีวิตแม้สิทธิดังกล่าวจะมิได้มีการจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ไว้ตามกฎหมาย แต่ก็เป็นภาระเกี่ยวกับที่ดินพิพาท ถือได้ว่าเป็นการให้สิ่งที่มีค่าภารติดพัน โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องถอนคืนการให้จำเลยทั้งสามเพราะเหตุเนรคุณได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 535(2)ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ คดีไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาว่าจำเลยทั้งสามหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรงตามที่โจทก์ฎีกาอีกต่อไปที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกฟ้องมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล”
พิพากษายืน