คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5140/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำบรรยายคำฟ้องที่ว่า จำเลยเล่นแชร์ซึ่งมีโจทก์เป็นหัวหน้าวงแชร์จำเลยประมูลแชร์ได้เป็นคนแรก แล้วออกเช็คพิพาทให้โจทก์ไว้เพื่อชำระหนี้ค่าแชร์แก่ลูกวงแชร์ที่ประมูลแชร์ยังไม่ได้ในขณะนั้น ต่อมาโจทก์โอนเช็คพิพาทชำระค่าแชร์ให้แก่ลูกวงแชร์ที่ประมูลแชร์ได้ ลูกวงแชร์ที่ได้รับโอนเช็คพิพาทเรียกเก็บเงินตามเช็คไม่ได้จึงโอนเช็คที่พิพาทกลับไปให้โจทก์ โจทก์ในฐานะหัวหน้าวงแชร์ต้องชำระเงินตามเช็คพิพาทให้แก่ลูกวงแชร์เหล่านั้น โจทก์จึงเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบนั้น เป็นคำบรรยายฟ้องที่ได้กล่าวสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเพียงพอที่จำเลยจะเข้าใจข้อหา และต่อสู้คดีได้พอสมควรแล้ว ทั้งจำเลยก็ให้การเกี่ยวกับการเล่นแชร์และการสั่งจ่ายเช็คพิพาทได้เนื้อถ้อยกระทง ความดี แสดงว่าจำเลยเข้าใจข้อหาต่อสู้คดีได้มิได้หลงต่อสู้แต่อย่างใด คำฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม
การที่จำเลยออกเช็คพิพาทซึ่งเป็นเช็คที่สั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ แล้วมอบให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ค่าแชร์แก่ลูกวงแชร์ที่ประมูลแชร์ยังไม่ได้ในเวลานั้น ต่อมาโจทก์โอนเช็คพิพาทชำระหนี้ค่าแชร์ให้แก่ลูกวงแชร์ที่ประมูลแชร์ได้ แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค ลูกวงแชร์ดังกล่าวจึงโอนเช็คพิพาททั้งหมดกลับไปให้โจทก์ และรับชำระเงินตามเช็คพิพาททั้งห้าฉบับจากโจทก์ซึ่งเป็นหัวหน้าวงแชร์ โจทก์เป็นผู้ครอบครองเช็คพิพาทจึงเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินตามเช็คจำนวน ๕๐,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายคำฟ้องเคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน ๕๐,๐๐๐ บาท แก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประเด็นที่ว่าคำฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่นั้น จำเลยอ้างว่าโจทก์ไม่ได้บรรยายว่าบุคคลผู้ได้รับโอนเช็คพิพาททั้งห้าฉบับซึ่งนำเช็คเหล่านั้นไปเรียกเก็บเงินจาก ธนาคารคือใครบ้าง ทั้งไม่มีข้อเท็จจริงและรายละเอียดเกี่ยวกับการเล่นแชร์พอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีเป็นคำฟ้อง เคลือบคลุม เห็นว่า ในเรื่องคำฟ้องคดีแพ่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๒ บัญญัติว่า “คำฟ้องต้องแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์ และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้น” ศาลฎีกาเห็นว่า ในเรื่องคำฟ้องคดีแพ่งนั้น ไม่เหมือนกับฟ้องคดีอาญา ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องด้วยในการกระทำนั้น ๆ ซึ่งต้องกล่าวในฟ้องคดีอาญานั้น จึงไม่ใช่ข้อสาระสำคัญที่จะต้องกล่าวไว้ในคำฟ้องคดีแพ่งตามคำบรรยายคำฟ้องของโจทก์ได้กล่าวสภาพแห่งข้อหา และคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาคือ จำเลยเล่นแชร์ซึ่งมีโจทก์เป็นหัวหน้าวงแชร์ จำเลยประมูลแชร์ได้เป็นคนแรก แล้วออกเช็คพิพาททั้งห้าฉบับให้โจทก์ไว้เพื่อชำระหนี้ค่าแชร์แก่ลูกวงแชร์ที่ประมูลแชร์ยังไม่ได้ในขณะนั้น ต่อมาโจทก์โอนเช็คพิพาททั้งห้าฉบับชำระหนี้ค่าแชร์ให้แก่ลูกวงแชร์ที่ประมูลแชร์ได้ ลูกวงแชร์ที่ได้รับโอนเช็คพิพาทเหล่านั้นไปเรียกเก็บเงินตามเช็ค แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ลูกวงแชร์ดังกล่าวจึงโอนเช็คเหล่านั้นกลับไปให้โจทก์ โจทก์ในฐานะหัวหน้าวงแชร์ต้องชำระเงินตามเช็คพิพาททั้งห้าฉบับให้แก่ลูกวงแชร์เหล่านั้น โจทก์จึงเป็นผู้ทรงเช็ค พิพาทเหล่านั้นโดยชอบ เป็นการเพียงพอที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาและต่อสู้คดีได้พอสมควรแล้วส่วนที่ว่าบุคคลผู้ได้รับโอนเช็คพิพาททั้งห้าฉบับ ซึ่งนำเช็คเหล่านั้นไปเรียกเก็บเงินจากธนาคารคือใครบ้าง ข้อเท็จจริงและรายละเอียดเกี่ยวกับการเล่นแชร์มีวิธีการเล่นอย่างไรนั้น เป็นรายละเอียดที่อาจนำสืบกันได้ในชั้นพิจารณาสืบพยานหลักฐาน อนึ่งตามคำให้การของจำเลยก็ให้การเกี่ยวกับการเล่นแชร์ และการสั่งจ่ายเช็คพิพาททั้งห้าฉบับได้เนื้อถ้อยกระทงความดี แสดงว่าจำเลยเข้าใจข้อหาต่อสู้คดีได้ มิได้หลงต่อสู้แต่อย่างใดศาลฎีกาเห็นว่า คำฟ้องของโจทก์เป็นคำฟ้องที่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๒ ไม่เป็นคำฟ้องเคลือบคลุม
ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยออกเช็คพิพาทซึ่งเป็นเช็คที่สั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือทั้งห้าฉบับ แล้วมอบให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ค่าแชร์แก่ลูกวงแชร์ที่ประมูลแชร์ยังไม่ได้ในเวลานั้น ต่อมาโจทก์โอนเช็คพิพาททั้งห้าฉบับชำระหนี้ค่าแชร์ให้แก่ลูกวงแชร์ที่ประมูลแชร์ได้และเช็คพิพาททั้งห้าฉบับยังมิได้มีการใช้เงินตามเช็คเหล่านั้น เพราะธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ลูกวงแชร์ดังกล่าวจึงโอนเช็คพิพาททั้งหมดกลับไปให้โจทก์ และรับชำระเงินตามเช็คพิพาททั้งห้าฉบับจากโจทก์ในฐานะที่โจทก์เป็นหัวหน้าวงแชร์ ฉะนั้น เช็คพิพาททั้งห้าฉบับนั้นโจทก์เป็นผู้ครอบครองอยู่ จึงถือว่าโจทก์เป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายและย่อมมีสิทธิฟ้องคดีนี้เรียกร้องให้จำเลยชำระเงินตามเช็คพิพาททั้งห้าฉบับให้โจทก์ได้ ศาลฎีกาเห็นว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้จำเลยเสียค่าทนายความชั้นฎีกาแปดร้อยบาทแทนโจทก์

Share