คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 514/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยเป็นข้าราชการตำแหน่งสหกรณ์อำเภอ สังกัดกรมส่งเสริมสหกรณ์คณะกรรมการสหกรณ์การเกษตร ส. จำกัด แต่งตั้งจำเลยเป็นกรรมการออกข้อสอบและตรวจข้อสอบเพื่อรับบรรจุพนักงาน เมื่อสหกรณ์ดังกล่าวเป็นนิติบุคคลต่างหากไม่ใช่หน่วยงานในกรมส่งเสริมสหกรณ์ที่จำเลยจะต้องรับผิดชอบโดยตรง ทั้งมติคณะกรรมการสหกรณ์ดังกล่าวก็ไม่มีระเบียบของทางราชการว่าให้ทำได้และจำเลยจะต้องปฏิบัติตาม และการเป็นกรรมการสอบก็ไม่ใช่งานในหน้าที่รับผิดชอบของจำเลย การเป็นกรรมการของจำเลยจึงไม่ใช่เจ้าพนักงานกระทำการในตำแหน่งของจำเลย จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน เรียก รับทรัพย์สินโดยมิชอบหรือกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149, 157พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2502 มาตรา 5,13
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 จำคุก 5 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่าขณะเกิดเหตุจำเลยรับราชการในตำแหน่งสหกรณ์อำเภอที่สำนักงานสหกรณ์อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท สังกัดกรมส่งเสริมสหกรณ์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีหน้าที่และความรับผิดชอบในการส่งเสริมแนะนำการดำเนินธุรกิจ การบริหารงานของสหกรณ์ ตลอดจนช่วยดำเนินการปรับปรุงงานดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล ภายใต้ธุรกิจและการจัดการแบบสหกรณ์ตามที่อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้วางระเบียบว่าด้วยหน้าที่และความรับผิดชอบของสำนักงานสหกรณ์จังหวัด และสำนักงานสหกรณ์อำเภอไว้ตามเอกสารหมาย จ.12 สหกรณ์การเกษตรสรรพยา จำกัด ได้จดทะเบียนเป็นสหกรณ์ตามพระราชบัญญัติสหกรณ์เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2513 เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2530คณะกรรมการสหกรณ์การเกษตรสรรพยา จำกัด ได้ประชุมกันมีมติให้เปิดรับสมัครพนักงานบัญชีเพื่อบรรจุเข้าทำงานในสหกรณ์ 1 ตำแหน่งและมีมติแต่งตั้งให้สหกรณ์อำเภอซึ่งมีจำเลยดำรงตำแหน่งอยู่ผู้จัดการสหกรณ์อันได้แก่นายสุทิน พรหมแจ้ง หัวหน้าฝ่ายตรวจสอบบัญชีจากสำนักงานตรวจสอบบัญชีสหกรณ์ นายประชุม ข้องรอดกรรมการสหกรณ์ซึ่งถูกลงโทษไปตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1229/2531ตามคำฟ้องและนายจรัญ บุญช่วย กรรมการสหกรณ์รวม 5 คน ร่วมกันเป็นกรรมการออกข้อสอบและตรวจข้อสอบตามรายงานการประชุมเอกสารหมาย จ.7 คณะกรรมการสหกรณ์ได้จัดให้มีการสอบและประกาศผลสอบเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2530 โดยมีนางสาวอำนวย หมอนชูสอบได้ที่ 1 ในตอนบ่ายของวันเดียวกัน คณะกรรมการสหกรณ์ ได้มีการประชุมและลงมติว่าการสอบคัดเลือกเป็นโมฆะ และประกาศยกเลิกการสอบในวันรุ่งขึ้น ต่อมานางสาวอำนวยพร้อมด้วยบิดามารดาได้ไปร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ และแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนกล่าวหาว่า จำเลยได้เรียกเอาเงินไป 40,000 บาท เพื่อจะช่วยเหลือให้นางสาวอำนวยสอบได้และได้รับการบรรจุแต่งตั้ง จากข้อเท็จจริงดังกล่าวเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้แล้วว่า จำเลยได้กระทำผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับทรัพย์สินโดยมิชอบเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งตามที่โจทก์ฎีกาหรือไม่ โดยไม่จำต้องวินิจฉัยก่อนว่าจำเลยได้เรียกรับเอาเงินจากนางสาวอำนวยจริงหรือไม่ เห็นว่า จำเลยได้รับแต่งตั้งจากคณะกรรมการสหกรณ์การเกษตรสรรพยา จำกัดสหกรณ์การเกษตรสรรพยา จำกัด เป็นนิติบุคคลแยกต่างหากไม่ใช่หน่วยงานในกรมส่งเสริมสหกรณ์ที่จำเลยจะต้องรับผิดชอบโดยตรงและมติของคณะกรรมการสหกรณ์ดังกล่าวก็ไม่มีระเบียบของทางราชการว่าให้ทำได้และจำเลยจะต้องปฏิบัติตาม นอกจากนี้การเป็นกรรมการสอบก็ไม่ใช่กรณีที่จำเลยจะต้องส่งเสริมแนะนำการดำเนินธุรกิจการบริหารงานของสหกรณ์ตลอดจนช่วยดำเนินการปรับปรุงงานดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ภายใต้ธุรกิจและการจัดการแบบสหกรณ์ตามที่ระเบียบได้วางไว้ ดังนั้นการเป็นกรรมการสอบของจำเลยจึงไม่ใช่เจ้าพนักงานกระทำการในตำแหน่งของจำเลย จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับทรัพย์สินโดยมิชอบเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามาชอบแล้วฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share