คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 513/2554

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จุดที่ลูกค้ามาเล่นกอล์ฟนำถุงกอล์ฟลงจากรถหรือขึ้นรถอยู่หน้าคลับเฮ้าส์ โดยมีซุ้มที่พักพนักงานจำเลยคอยให้การต้อนรับลูกค้า เมื่อลูกค้าเล่นกอล์ฟเสร็จ แคดดี้จะนำถุงกอล์ฟมาวางไว้บริเวณซุ้มหน้าคลับเฮ้าส์จุดที่รับถุงกอล์ฟ พนักงานของจำเลยซึ่งอยู่บริเวณดังกล่าวจะต้องคอยดูแลถุงกอล์ฟของลูกค้าไว้ ในกรณีที่ลูกค้าไม่ได้สั่งให้แคดดี้นำถุงกอล์ฟไปส่งที่รถหรือลูกค้าไม่มีรถส่วนตัวมา แคดดี้ต้องนำถุงกอล์ฟมารอลูกค้าที่หน้าคลับเฮ้าส์ หลังเกิดเหตุถุงกอล์ฟของโจทก์ถูกคนร้ายลักไป จำเลยยังคงใช้สถานที่บริเวณซุ้มหน้าคลับเฮ้าส์เป็นจุดรับส่งถุงกอล์ฟเช่นเดิม เพียงแต่มีป้ายเขียนข้อความให้ลูกค้าที่มาเล่นกอล์ฟแจ้งหมายเลขทะเบียนรถที่จะมารับถุงกอล์ฟไปเท่านั้น พฤติการณ์ดำเนินการให้บริการลักษณะดังกล่าวของจำเลยแสดงให้เห็นว่าแม้บริเวณซุ้มหน้าคลับเฮ้าส์จะไม่มีข้อความว่าเป็นจุดบริการรับฝากถุงกอล์ฟและไม่มีหลักฐานการรับฝากก็ตาม แต่ในทางปฏิบัติของสนามกอล์ฟและลูกค้าต่างเป็นที่ทราบว่าเป็นจุดรับส่งถุงกอล์ฟ ดังนั้น การปฏิบัติระหว่างสนามกอล์ฟกับลูกค้าที่มาเล่นกอล์ฟจึงเข้าลักษณะสัญญาฝากทรัพย์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 657 กรณีต้องถือว่าจำเลยได้รับฝากถุงกอล์ฟของโจทก์แล้ว เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยเป็นผู้ประกอบกิจการให้บริการสนามกอล์ฟ จำเลยจึงต้องใช้ความระมัดระวังเท่าที่เป็นธรรมดาจะต้องใช้และสมควรจะต้องใช้ในกิจการสนามกอล์ฟตาม ป.พ.พ. มาตรา 659 วรรคสาม แต่ตามทางปฏิบัติปรากฏว่าจำเลยไม่มีมาตรการใด ๆ ในการดูแลรักษาถุงกอล์ฟของลูกค้าที่มาใช้บริการ ดังนั้น เมื่อมีคนร้ายมาอ้างต่อพนักงานจำเลยว่าเป็นคนขับรถของโจทก์มารับถุงกอล์ฟ และพนักงานจำเลยก็ยอมให้ถุงกอล์ฟของโจทก์ไป ทั้งๆ ที่เรื่องนี้พนักงานจำเลยเบิกความรับว่าแคดดี้ของโจทก์แจ้งให้ทราบว่าโจทก์นั่งรถแท็กซี่มาเล่นกอล์ฟ กรณีเช่นนี้ถือว่าพนักงานจำเลยไม่ได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรในการปฏิบัติหน้าที่ จำเลยจึงต้องรับผิดในความสูญหายของอุปกรณ์กอล์ฟต่อโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยในฐานะผู้รับฝากชดใช้อุปกรณ์กีฬากอล์ฟยี่ห้อคอลลาเวย์ เป็นเงินจำนวน 145,254.26 บาท พร้อมดอกเบี้ยก่อนฟ้องอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี เป็นเงิน 10,894.07 บาท และค่าเสียหายในการทำร้ายจิตใจเนื่องจากอุปกรณ์กอล์ฟชุดพิเศษของโจทก์ต้องสูญหายเป็นเงิน 50,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 206,148.32 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงินจำนวน 145,254.26 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระแก่โจทก์เสร็จ
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับเป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 83,640 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2544 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระแก่โจทก์เสร็จสิ้น กับให้ชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความรวม 8,000 บาท
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่า มีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติโดยไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาโต้แย้งว่าโจทก์ไปเล่นกอล์ฟที่สนามกอล์ฟของจำเลยโดยนำถุงกอล์ฟซึ่งบรรจุไม้กอล์ฟยี่ห้อคอลลาเวย์ไปยังซุ้มบริเวณหน้าคลับเฮ้าส์ซึ่งเป็นจุดรับส่งถุงกอล์ฟ เพื่อให้พนักงานของจำเลยยกถุงกอล์ฟลงจากรถส่งมอบให้แคดดี้ที่รออยู่ หลังจากโจทก์เล่นกอล์ฟเสร็จแล้ว โจทก์และแคดดี้เดินไปที่บริเวณซุ้มหน้าคลับเฮ้าส์จุดที่รับส่งถุงกอล์ฟ แคดดี้ได้นำถุงกอล์ฟไปวางไว้ที่ข้างซุ้มบริเวณบันไดหน้าทางขึ้นคลับเฮ้าส์ แล้วแคดดี้ กลับออกไป ระหว่างที่โจทก์เดินไปเข้าห้องน้ำในคลับเฮ้าส์คนร้ายได้ลักถุงกอล์ฟของโจทก์ไป โดยคนร้ายขับรถยนต์เก๋งมาจอดที่หน้าคลับเฮ้าส์ อ้างกับนายไพฑูรย์ พนักงานของจำเลยซึ่งดูแลอยู่ตรงบริเวณซุ้มหน้าคลับเฮ้าส์ว่าเป็นคนขับรถของโจทก์ แล้วยกถุงกอล์ฟของโจทก์ใส่กระโปรงท้ายรถของคนร้ายไป โดยนายไพฑูรย์จำหมายเลขทะเบียนรถของคนร้ายไม่ได้ คดีคงมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยว่า จำเลยต้องรับผิดในความสูญหายของอุปกรณ์กอล์ฟของโจทก์หรือไม่ โจทก์นำสืบว่า บริเวณซุ้มหน้าคลับเฮ้าส์จุดที่รับส่ง ถุงกอล์ฟที่ถุงกอล์ฟของโจทก์วางอยู่ก่อนคนร้ายลักไปเป็นสถานที่จำเลยจัดไว้เป็นที่รับฝากถุงกอล์ฟโดยมีนายไพฑูรย์เป็นผู้ดูแล ส่วนจำเลยนำสืบโต้แย้งว่า สนามกอล์ฟของจำเลย ไม่มีจุดบริการรับฝากถุงกอล์ฟ บริเวณซุ้มหน้าคลับเฮ้าส์ไม่ใช่บริเวณที่บริการรับฝากถุงกอล์ฟเป็นเพียงที่พักของพนักงานที่ทำหน้าที่ต้อนรับลูกค้าและเปิดปิดประตูรถลูกค้าเท่านั้น เห็นว่า ในเรื่องนี้ได้ความจากนายสมหมายรองผู้จัดการของจำเลยซึ่งมีหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับสนามกอล์ฟของจำเลยโดยเฉพาะเบิกความรับว่า จุดที่ลูกค้ามาเล่นกอล์ฟนำถุงกอล์ฟลงจากรถหรือนำขึ้นรถจะอยู่หน้าคลับเฮ้าส์ โดยจะมี ซุ้มที่พักพนักงานของจำเลยและมีพนักงานของจำเลยคอยให้การต้อนรับลูกค้าที่มาเล่นกอล์ฟโดยจะช่วยเปิดปิดประตูรถและยกถุงกอล์ฟลงหรือขึ้นรถ และเบิกความตอบทนายโจทก์ ถามค้านรับว่า เมื่อลูกค้าเล่นกอล์ฟเสร็จแล้ว แคดดี้จะนำถุงกอล์ฟมาวางไว้บริเวณซุ้ม หน้าคลับเฮ้าส์จุดที่รับส่งถุงกอล์ฟและพนักงานของจำเลยซึ่งอยู่บริเวณดังกล่าวจะต้องคอยดูแลถุงกอล์ฟของลูกค้าไว้เนื่องจากลูกค้าซึ่งเล่นกอล์ฟ เสร็จแล้วอาจจะทำกิจกรรมหลายอย่างระหว่างที่วางถุงกอล์ฟไว้บริเวณดังกล่าว เช่น อาจให้คนขับรถของตนเองมารับถุงกอล์ฟก็ได้ ตามปกติของสนามกอล์ฟเมื่อลูกค้าเล่นกอล์ฟเสร็จมาถึงคลับเฮ้าส์และออกจากคลับเฮ้าส์ไปแล้วจะถือว่าสนามกอล์ฟหมดหน้าที่ให้บริการลูกค้าแล้ว นอกจากนี้ยังได้ความจากนายไพฑูรย์พนักงานของจำเลยว่า ในกรณีที่ลูกค้าไม่ได้สั่งให้แคดดี้นำถุงกอล์ฟไปส่งที่รถหรือลูกค้าไม่มีรถส่วนตัวมา แคดดี้จะต้องนำถุงกอล์ฟมารอลูกค้าที่หน้าคลับเฮ้าส์ สอดคล้องกับข้อนำสืบของโจทก์ว่าเมื่อโจทก์ เล่นกอล์ฟเสร็จ แคดดี้ทำความสะอาดไม้กอล์ฟและตรวจนับอุปกรณ์เสร็จแล้ว แคดดี้ได้นำถุงกอล์ฟของโจทก์ไปวางไว้บริเวณซุ้มหน้าคลับเฮ้าส์จุดที่รับส่งกอล์ฟเช่นครั้งก่อนที่โจทก์เคยมาเล่น ประกอบกับหลังจากเกิดเหตุถุงกอล์ฟของโจทก์ถูกคนร้ายลักไป จำเลยยังคงใช้สถานที่บริเวณซุ้มหน้าคลับเฮ้าส์เป็นจุดรับส่งถุงกอล์ฟอยู่เช่นเดิม เพียงแต่มีป้ายเขียนข้อความให้ลูกค้าที่มาเล่นกอล์ฟแจ้งหมายเลขทะเบียนรถที่จะมารับถุงกอล์ฟไปเท่านั้น พฤติการณ์การดำเนินการให้บริการในลักษณะดังกล่าวของจำเลยแสดงให้เห็นได้ว่า แม้บริเวณซุ้มหน้าคลับเฮ้าส์จุดที่รับส่งถุงกอล์ฟไม่มีข้อความระบุเป็นจุดบริการรับฝากถุงกอล์ฟและไม่มีการออกหลักฐานการรับฝากก็ตาม แต่ในทางปฏิบัติของสนามกอล์ฟและลูกค้าที่มาเล่นกอล์ฟโดยทั่วไปต่างเป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่า บริเวณซุ้มหน้าคลับเฮ้าส์ จุดที่รับส่งถุงกอล์ฟเป็นจุดที่พักถุงกอล์ฟ เมื่อเล่นกอล์ฟเสร็จและแคดดี้จะต้องนำถุงกอล์ฟมาส่ง ณ จุดดังกล่าว ดังนั้น การปฏิบัติระหว่างสนามกอล์ฟกับลูกค้าที่มาเล่นกอล์ฟจึงเข้าลักษณะสัญญาฝากทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 657 กรณีต้องถือว่าจำเลยได้รับฝากถุงกอล์ฟของโจทก์ไว้แล้ว เมื่อข้อเท็จจริงฟังว่าจำเลยได้รับฝากถุงกอล์ฟของโจทก์ไว้ จำเลยจะต้องใช้ความระมัดระวังในการดูแลทรัพย์สินที่รับฝาก ซึ่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 659 วรรคสามบัญญัติว่า “ถ้าและผู้รับฝากเป็นผู้มีวิชาชีพเฉพาะกิจการค้าขาย หรืออาชีวะอย่างหนึ่งอย่างใด ก็จำต้องใช้ความระมัดระวังและใช้ฝีมือเท่าที่เป็นธรรมดาจะต้องใช้และสมควรจะต้องใช้ในกิจการค้าขายหรืออาชีวะอย่างนั้น” ข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยเป็นผู้ประกอบการกิจการให้บริการสนามกอล์ฟ จำเลยจึงต้องใช้ความระมัดระวังเท่าที่เป็นธรรมดาจะต้องใช้และสมควรจะต้องใช้ในกิจการสนามกอล์ฟ แต่ตามทางปฏิบัติของจำเลยปรากฏว่าจำเลยไม่มีมาตรการใด ๆ ในการดูแลรักษาถุงกอล์ฟของลูกค้าที่มาใช้บริการของจำเลยแต่อย่างใด อาทิเช่น ออกหลักฐานการ รับถุงกอล์ฟไว้ หรือจดหมายเลขทะเบียนรถที่จะมารับถุงกอล์ฟไว้ เป็นต้น ดังนั้น เมื่อมีคนร้ายมาอ้างต่อนายไพฑูรย์ว่าเป็นคนขับรถของโจทก์มารับถุงกอล์ฟของโจทก์ให้ยกใส่รถ และนายไพฑูรย์ยอมให้ถุงกอล์ฟของโจทก์ไป ทั้ง ๆ ที่ในเรื่องนี้นายไพฑูรย์เบิกความรับว่าแคดดี้ของโจทก์แจ้งให้ทราบว่าโจทก์นั่งรถแท็กซี่มาเล่นกอล์ฟ นายไพฑูรย์ย่อมทราบแล้วว่าโจทก์ไม่ได้มีรถส่วนตัวมาเล่นกอล์ฟ เมื่อมีผู้มาอ้างว่าเป็นคนขับรถของโจทก์มารับถุงกอล์ฟ เหตุใดจึงไม่ใช้ความระมัดระวังตรวจสอบให้ได้ความแน่ชัดว่าเป็นคนขับรถของโจทก์จริงหรือไม่ หรือรอสอบถามโจทก์เสียก่อน กลับยอมให้ถุงกอล์ฟไปโดยไม่มีหลักฐานอย่างใดเลย กรณีเช่นนี้ถือว่านายไพฑูรย์พนักงานของจำเลยไม่ได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรในการปฏิบัติหน้าที่ จำเลยจึงต้องรับผิดในความสูญหายของอุปกรณ์กอล์ฟต่อโจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า จะต้องหักค่าเสื่อมราคาเหลือไม่ถึงร้อยละ 30 ของราคาจริงที่เป็นของใหม่นั้น เห็นว่า โจทก์ใช้ไม้กอล์ฟมาประมาณ 10 เดือน เท่านั้น ที่ศาลอุทธรณ์หักค่าเสื่อมราคาร้อยละ 20 ของราคาไม้กอล์ฟที่ศาลอุทธรณ์กำหนดให้แก่โจทก์นั้น เหมาะแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขค่าเสื่อมราคา ฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share