แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในวันนัดพร้อม ศาลจดรายงานกระบวนพิจารณาว่า ‘ประเด็นตกโจทก์นำสืบก่อนให้นัดสืบพยานโจทก์ 12 ก.พ. 06 เวลา 8.30 น. ‘ ดังนี้ ยังไม่ถือว่าเป็นการชี้สองสถานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183
ศาลนัดสืบพยานโจทก์ไว้ แต่เพราะโจทก์ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องในวันนั้นศาลจึงสั่งนัดพิจารณาคำร้องและคู่ความขอเลื่อนการสืบพยานไปก่อนดังนี้ไม่ถือว่าวันนั้นเป็นวันสืบพยานโจทก์คำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องที่ยื่นในวันนั้นจึงไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180
ย่อยาว
คดีนี้ มีปัญหาเกี่ยวกับการขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องของโจทก์โดยเดิมโจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นน้องและเป็นทายาทของผู้ตาย จำเลยทำพินัยกรรมปลอมอ้างว่าเป็นพินัยกรรมของผู้ตาย ยกทรัพย์มรดกทั้งหมดของผู้ตายให้จำเลย จึงขอให้ทำลายพินัยกรรมนั้นในวันนัดพร้อมศาลจดรายงานกระบวนพิจารณาว่า”ประเด็นตกโจทก์นำสืบก่อน ให้นัดสืบพยานโจทก์ 12 ก.พ. 06 เวลา 8.30 น.” ได้มีการเลื่อนการสืบพยานโจทก์หลายครั้ง ครั้งสุดท้ายนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 11 มิถุนายน 2506 และในวันนั้นโจทก์ขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องระบุว่าทรัพย์ใดเป็นสินเดิม ทรัพย์ใดเป็นสินสมรส และระบุจำนวนทรัพย์ที่โจทก์ควรได้มากขึ้น ศาลสั่งนัดพิจารณาคำร้องของโจทก์และโจทก์จำเลยขอเลื่อนการสืบพยานไปก่อน
ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้โจทก์แก้ไขเพิ่มเติมฟ้อง แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้รับคำร้องเพิ่มเติมฟ้องของโจทก์ไว้
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่ศาลจดรายงานกระบวนพิจารณาไว้ดังกล่าวข้างต้นนั้นยังถือไม่ได้ว่าศาลได้ทำการชี้สองสถานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183 และวันที่โจทก์ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้อง ศาลก็ได้สั่งเลื่อนการสืบพยานไปแล้ว จึงไม่ใช่วันสืบพยานโจทก์ คำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องของโจทก์จึงไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180 และเห็นว่าฟ้องเดิมและฟ้องเพิ่มเติมเกี่ยวข้องพอจะรวมพิจารณาชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้
จึงพิพากษายืน