คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5121/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้ใช้และวางแผนให้จำเลยที่ 1 กับพวกกระทำความผิด ได้ความว่าจำเลยที่ 2 เป็นเพียงผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานเป็นผู้สนับสนุนได้
วันเกิดเหตุจำเลยที่ 1 และที่ 2 กับพวกอีก 1 คน มานอนที่บ้านมารดาผู้ตาย ก่อนจำเลยที่ 1 บีบคอผู้ตาย จำเลยที่ 2 ได้เรียกมารดาผู้ตายออกมาจากห้องนอนพาลงจากบ้านและใช้ผ้าขาวม้ามัดมือไพล่หลังใช้มีดปลายแหลมขู่มิให้มารดาผู้ตายขัดขวางการกระทำผิดของจำเลยที่ 1 ดังนี้จำเลยที่ 2 เป็นเพียงผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๒ ก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดด้วยการใช้ให้จำเลยที่ ๑ กับพวกอีก ๑ คน ร่วมกันฆ่าผู้ตายโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อนต่อมาจำเลยที่ ๑ กับพวกร่วมกันใช้มือบีบคอผู้ตายถึงแก่ความตายตามที่จำเลยที่ ๒ ใช้ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓,๘๔,๒๘๘,๒๘๙
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙(๔) ประกอบมาตรา ๘๓ ให้ประหารชีวิตจำเลยที่ ๒ มีความผิดฐานเป็นผู้ใช้ให้ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และเป็นตัวการร่วมฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙(๔) ประกอบมาตรา ๘๔,๘๓ วางโทษประหารชีวิต ชั้นจับกุมและสอบสวน จำเลยที่ ๑ ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ ประกอบมาตรา ๕๒(๑) จำคุกจำเลยที่ ๑ ตลอดชีวิต
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๒ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้วข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๒๘ เวลาประมาณ ๒๓ นาฬิกา จำเลยที่ ๑ ใช้มือบีบคอเด็กหญิงสอดะ สาโหด โดยเจตนาฆ่าและโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เป็นเหตุให้เด็กหญิงสอดะถึงแก่ความตายบาดแผลปรากฏตามรายงานการ ชันสูตรพลิกศพท้ายฟ้อง ที่โจทก์ฎีกาว่าเมื่อวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๒๘ นางหริ่นหรือหริ่งพบเห็นจำเลยที่ ๑ ข่มขืนกระทำชำเราผู้ตายและได้มาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้จำเลยที่ ๒ ฟัง จำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นญาติกับจำเลยที่ ๑ ได้ข่มขู่ไม่ให้นางหริ่นหรือหริ่งดำเนินคดีกับจำเลยที่ ๑ โดยขู่ว่าจะฆ่า ตามพฤติการณ์ที่โจทก์นำสืบจำเลยที่ ๒ เป็นผู้วางแผนให้จำเลยที่ ๑ กับนายแดงฆ่าผู้ตาย โดยจำเลยที่ ๒ วางแผนกับนางหริ่นหรือหริ่งออกจากบ้านและข่มขู่ห้ามไม่ให้เข้าไปช่วยเหลือ แม้โจทก์ไม่มีพยานรู้เห็นยืนยันว่าจำเลยที่ ๒ ได้วางแผนให้จำเลยที่ ๑ กับนายแดงฆ่าผู้ตาย โจทก์เห็นว่าผู้ก่อหรือจ้างวานใช้ให้ผู้อื่นกระทำผิดกับผู้ร่วมกระทำผิดกฎหมายได้กำหนดโทษไว้เช่นเดียวกัน พยานหลักฐานโจทก์ฟังลงโทษจำเลยที่ ๒ ได้นั้น โจทก์มีนางหริ่นหรือหริ่ง สุเหร็น มารดาผู้ตายเบิกความว่า วันเกิดเหตุจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ มานอนที่ระเบียงบ้านพยาน ส่วนนายแดงพยานและบุตรอีกสามคนนอนในห้อง จำเลยที่ ๒ เรียกพยานออกมาจากห้อง แล้วพาลงจากบ้านใช้ผ้าขาวม้ามัดมือไพล่หลัง ขู่ว่าถ้าร้องจะฆ่าให้หมด จำเลยที่ ๒ ใช้มีดปลายแหลมจี้พยาน ส่วนจำเลยที่ ๑ อยู่บนบ้าน นายแดงอยู่หลังบ้านได้ยินเสียงโครมครามอยู่บนบ้านประมาณ ๑ ชั่วโมง เข้าใจว่าจำเลยที่ ๑ ฆ่าผู้ตายพยานจะไปช่วยแต่ช่วยไม่ได้เพราะจำเลยที่ ๒ คุมอยู่และใช้มือตบพยาน เห็นจำเลยที่ ๑ แบกผู้ตายออกจากบ้าน นายแดงเดินตามไปประมาณ ๑ ชั่วโมงจึงได้พากันกลับมาจำเลยที่ ๒ ยังคงคุมพยานอยู่และบอกให้นายแดงดูพยานไว้ ถ้านำเรื่องไปบอกใครจะฆ่า ประจักษ์พยานโจทก์ไม่ได้ยืนยันว่าจำเลยที่ ๒ เป็นผู้ใช้ หรือวางแผนให้จำเลยที่ ๑ กับนายแดงฆ่าผู้ตาย ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ก่อนจำเลยที่ ๑ บีบคอผู้ตาย จำเลยที่ ๒ ได้เรียกนางหริ่นหรือหริ่งออกมาจากห้องนอนพาลงจากบ้านและใช้ผ้าขาวม้ามัดมือไพล่หลังใช้มีดปลายแหลมขู่ว่าถ้าส่ง เสียงดังจะฆ่า ทั้งนี้เพื่อมิให้นางหริ่นหรือหริ่งขัดขวางการกระทำผิดของจำเลยที่ ๑ กับนายแดง เป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๖ จะลงโทษฐานใช้หรือวางแผนให้ผู้อื่นกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๔ ไม่ได้ ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยที่ ๒ ฐานเป็นผู้สนับสนุนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๖ ได้ ดังนี้จำเลยที่ ๒ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙(๔),๘๖
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๒ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙(๔),๘๖ ประกอบมาตรา ๕๒(๑) ให้จำคุกจำเลยที่ ๒ ตลอดชีวิต นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share