คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 512/2473

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ครูแก้ผ้าศิษย์แล้วเฆี่ยนมีผิดตาม ม.254 กะทงเดียว หามีผิดฐานทำอนาจารด้วยไม่ วิธีพิจารณาอาญา พรบฎีกาอุทธรณ์ ม.3,8 การลดโทษปราณี การรอการลงอาญา การกำหนดโทษ อยู่ในดุลยพินิจของศาล เปนข้อเท็จจริง เมื่อศาลใช้ดุลยพินิจ ไม่ผิดบทบัญญัติของกฎหมายแล้ว คู่ความฎีกาไม่ได้

ย่อยาว

ได้ความว่าจำเลยเปนครูใหญ่โรงเรียนกรรณสูตร์ศึกษาลัย ได้ทำโทษเด็กชาย ล.บุตร์โจทก์ซึ่งเปนนักเรียน โดยให้เปลื้องกางเกงออกนอนคว่ำลงตีด้วยกิ่งมะขามตามก้นและขา ๑๒ ที มีบาดแผลโลหิตไหล ๑๓ แห่ง ฟกช้ำเขียว ๕ แห่ง บาดแผลระบมทำให้เด็กชาย ล.เปนไข้อยู่ ๖ -๗ วัน เนื่องจากเด็กชาย ล.ได้พูดว่า “จะฉะนางศิริ (คือภรรยาจำเลย) ให้ท้องโต” โจทก์ขอให้ลงโทษตาม ม.๒๔๖-๒๕๕-๗๑
ศาลล่างทั้ง ๒ ตัดสินว่าจำเลยมีผิดตาม ม.๒๕๔ ให้จำคุก ๒ เดือน ปรับ ๒๐๐ บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตาม ม.๕๙ คงจำคุก ๑ เดือน ปรับ ๑๐๐ บาท ส่วนโทษจำให้ร่อการลงอาญาไว้ตาม ม.๔๑-๔๒
โจทก์ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลล่างหลายข้อ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฎีกาโจทก์ข้อที่ว่าศาลปราณีลดโทษให้จำเลยก็ดี ศาลรอการลงอาญาแก่จำเลยก็ดี หรือการกำหนดโทษแก่จำเลยก็ดี เมื่อศาลได้ใช้ดุลยพินิจไม่ผิดบทบัญญัติของกฎหมายแล้ว โจทก์ฎีกาในข้อเหล่านี้ไม่ได้ส่วนข้อที่ว่าการกระทำของจำเลยเปนผิดฐานอนาจารตาม ม.๒๔๖ อีกกะทงหนึ่ง กับการที่จำเลยแก้ผ้าเฆี่ยน ล. เปนการแสดงความดุร้ายทารุณเปนผิดตาม ม.๒๕๕ ไม่ใช่ ม.๒๕๔ นั้น เปนปัญหากฎหมาย และเห็นว่าการที่ครูเฆี่ยนตีศิษย์โดยเปลื้องผ้านุ่งออกนั้น ยังหามีความผิดฐานกระทำอนาจารไม่ ส่วนข้อโจทก์ว่าจำเลยมีผิดตาม ม.๒๕๕ ไม่ใช่ ม.๒๕๔ ข้อ ๑ นั้น ได้พิจารณาดู ม.๒๕๕ ประกอบกับ ม.๒๕๐ แล้ว ก็ไม่เข้าลักษณใดลักษณหนึ่งดังจำแนกไว้ในข้อ ๑ ถึง ๖ จึงตัดสินยืนตามศาลล่าง

Share