คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5116/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สาระสำคัญของความผิดฐานออกเช็คตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3(1)(2) นั้น ถือว่าวันที่ออกเช็คเป็นวันที่ผู้ออกเช็คมีเจตนากระทำผิดและความผิดสำเร็จครบองค์ประกอบความผิดในวันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค โจทก์นำสืบแต่เพียงวันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเท่านั้นซึ่งเป็นวันหลังออกเช็คหลายเดือน โดยธนาคารให้เหตุผลว่ายังไม่มีการตกลงกับธนาคาร เนื่องจากขณะนั้นจำเลยเป็นหนี้ธนาคารอยู่เต็มวงเงินเบิกเกินบัญชี มิได้นำสืบว่าในวันออกเช็คจำเลยมีเงินอยู่ในบัญชีไม่พอจะใช้เงินได้ตามเช็ค และหรือหากผู้เสียหายนำเช็คตามฟ้องไปเบิกเงินธนาคารจะปฏิเสธการจ่ายเงิน จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดตามฟ้อง จำคุก 1 ปี 10 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ลักษณะความผิดฐานออกเช็คโดยเจตนาที่จะมิให้มีการใช้เงินตามเช็ค หรือฐานออกเช็คโดยในขณะที่ออกเช็คไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3(1)(2) นั้น สาระสำคัญของความผิดทั้งสองฐานนี้อยู่ที่วันออกเช็ค คือวันที่สั่งให้ธนาคารจ่ายเงินตามเช็คซึ่งถือว่าเป็นวันที่ผู้ออกเช็คมีเจตนากระทำผิดแต่การกระทำของผู้ออกเช็ค ยังไม่เป็นความผิดจนกว่าธนาคารจะปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คนั้น ดังนั้น วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินจึงเป็นวันที่การกระทำความผิดสำเร็จครบองค์ประกอบของความผิด คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดในข้อหาดังกล่าว 2กรรม คือจำเลยออกเช็คลงวันที่ 15 พฤษภาคม 2524 กรรมหนึ่ง และวันที่ 30 เมษายน 2529 อีกกรรมหนึ่งแต่โจทก์นำสืบเพียงว่าธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2529 และวันที่28 สิงหาคม 2529 ตามลำดับ ซึ่งเป็นวันหลังวันออกเช็คหลายเดือนโดยให้เหตุผลอย่างเดียวกันว่ายังไม่มีการตกลงกับธนาคารเนื่องจากขณะนั้นจำเลยเป็นหนี้ธนาคารอยู่เต็มวงเงินเบิกเกินบัญชีที่ทำไว้กับธนาคารเท่านั้น ไม่ได้นำสืบให้ได้ความแน่ชัดว่าในวันออกเช็คคือวันที่ 15 พฤษภาคม 2529 และวันที่ 30 เมษายน 2529 นั้น จำเลยมีเงินอยู่ในบัญชีไม่พอจะใช้เงินได้ตามเช็ค และหรือหากผู้เสียหายนำเช็คตามฟ้องไปเบิกเงิน ธนาคารตามเช็คจะปฏิเสธการจ่ายเงินทั้งนี้เนื่องจากจำเลยทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีไว้กับธนาคารตามเช็คพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง
พิพากษายืน.

Share