คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 511/2487

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ที่ได้ที่ดินมาโดยจดทเบียนโอนกัมสิทธิโดยสุจริต และเสียค่าตอบแทนย่อมมีสิทธิดีกว่าผู้ที่ครอบครองมาโดยอำนาดปรปักส์ซึ่งแม้หยู่ไนถานะที่จะขอไห้จดทเบียนสิทธิของตนได้หยู่ก่อน.

ย่อยาว

โจทฟ้องว่าโจทซื้อที่ดินโฉนดที่ ๑๖๔๘ ตำบนบาง+บูรน์ไว้จากนางยวง พูนประสาสน์ จำเลยทั้งสองอาสัยนางยวงปลูกเรือนหยู่ไนที่รายนี้ เมื่อโจทซื้อแล้ว ได้บอกไห้จำเลยทำสัญญาเช่า จำเลยไม่ยอมทำสัญญา ขอไห้ขับไล่
จำเลยไห้การว่า ที่ดินรายนี้เดิมเปนของนายยอดและนางแดง จำเลยได้ครอบครองเปนเจ้าของมา ๒๒ ปี เสส แล้วนายยอดสามีนางแดงจำเลยไปอุปสมบทเปนภิกสุนางแดงจำเลยและบุตรได้ครอบครองมาจนบัดนี้
ครั้นเวลาพิจารนา จำเลยนำสืบว่า ที่ดินรายนี้เปนของนางทิม ๆ ได้พูดยกไห้แก่นายยอด ผู้เปนน้องชายและแก่นางแดงจำเลย เมื่อ ๓๐ ปีมาแล้ว จำเลยได้ครอบครองตลอดมา
สาลชั้นต้นพิพากสายกฟ้อง
สาลอุธรน์พิพากสากลับ ไห้ขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาท
จำเลยดีกา สาลดีกาเห็นว่า มาตรา ๖ แห่งประมวนกดหมายแพ่งและพานิชมีความว่า “ท่านไห้สันนิถานไว้ก่อนว่าบุคคลทุกคนกะทำการโดยสุจริต” เมื่อคดีได้ความว่า โจทซื้อที่ดินรายนี้โดยการจดทเบียนโอนกัมสิทธิโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน แม้จำเลยจะเปนผู้หยู่ไนถานะอันจะขอไห้จดทเบียนสิทธิของตนได้หยู่ก่อน ก็หาอาดเรียกร้องไห้เพิกถอนทเบียนได้ไม่ ตามที่ได้บัญญัติไว้ ไนปะรมวนกดหมายแพ่งและพานิชมาตรา ๑๓๐๐ จึงพิพากสายืนตามสาลอุธรน์.

Share