แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายประจำปีพ.ศ.2526ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่1โดยคำนวณว่าต้องเสียภาษีป้าย5,070บาทแต่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่1ตรวจสอบแล้วเห็นว่าไม่ถูกต้องจึงทำการประเมินเป็นค่าภาษีทั้งสิ้น31,720บาทแล้วแจ้งไปยังโจทก์ตามหนังสือแจ้งการประเมินภาษีป้ายลงวันที่1มีนาคม2526โจทก์ได้รับหนังสือดังกล่าวเมื่อวันที่3มีนาคม2526โจทก์มิได้อุทธรณ์แต่ได้โต้แย้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่1จำเลยที่1มีหนังสือหารือผู้ว่าราชการจังหวัดจำเลยที่3จำเลยที่3เห็นว่าจำเลยที่1คำนวณถูกต้องแล้วต่อมาวันที่24พฤษภาคม2526จำเลยที่1มีหนังสือแจ้งให้โจทก์ทราบผลการหารือจำเลยที่3และให้โจทก์นำค่าภาษีป้าย31,720บาทพร้อมเงินเพิ่ม317.20บาทไปชำระภายใน7วันนับแต่วันรับหนังสือครั้นวันที่1มิถุนายน2526โจทก์จึงอุทธรณ์การประเมินภาษีป้ายต่อผู้ว่าราชการจังหวัดจำเลยที่3ดังนี้เป็นการยื่นอุทธรณ์การประเมินภาษีป้ายเกินกำหนดเวลาตามมาตรา30แห่งพ.ร.บ.ภาษีป้ายพ.ศ.2510หนังสือฉบับหลังมิใช่หนังสือแจ้งการประเมินไม่อาจถือว่าเป็นการที่เจ้าหนี้ได้ทำการอื่นใดเป็นอย่างเดียวกับการฟ้องคดีตามที่บัญญัติไว้ในป.พ.พ.มาตรา173ทั้งกำหนดเวลาอุทธรณ์การประเมินก็มิใช่อายุความจะนำบทบัญญัติเรื่องอายุความสะดุดหยุดลงมาปรับหาได้ไม่.
ย่อยาว
โจทก์ทั้งสองฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าอุทธรณ์ของโจทก์เป็นอุทธรณ์ที่ยื่นภายในระยะเวลาชอบด้วยกฎหมายแล้ว แบบแสดงรายการภาษีป้ายที่โจทก์ยื่นเพื่อชำระภาษีป้ายประจำปี 2526 เป็นเงินจำนวน 5,070 บาทเป็นจำนวนที่ถูกต้อง และการประเมินของจำเลยไม่ถูกต้อง
จำเลยทั้งสามขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยที่ 3 ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ข้อเท็จจริงได้ความเป็นยุติว่าเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2526 โจทก์ยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้ายประจำปี พ.ศ. 2526 ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 โดยคำนวณว่าต้องเสียภาษีป้าย 5,070 บาท ตามเอกสารหมาย จ.1 แต่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ตรวจสอบแล้วเห็นว่าไม่ถูกต้องจึงทำการประเมินภาษีป้าย ลงวันที่ 1 มีนาคม 2526 เอกสารหมาย จ.2โจทก์ได้รับหนังสือดังกล่าวเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2526 โจทก์มิได้อุทธรณ์ แต่ได้โต้แย้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1จำเลยที่ 1 มีหนังสือหารือผู้ว่าราชการจังหวัดจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3ตอบมายังจำเลยที่ 1 ตามหนังสือลงวันที่ 17 พฤษภาคม 2526เอกสารหมาย จ.6 แผ่นที่ 1 ว่า จำเลยที่ 1คำนวณถูกต้องแล้ว ต่อมาวันที่ 24 พฤษภาคม 2526 จำเลยที่ 1 มีหนังสือตามเอกสารหมาย จ.6แผ่นที่ 2 แจ้งให้โจทก์ทราบผลการหารือจำเลยที่ 3 กับให้โจทก์นำค่าภาษีป้าย 31,720 บาท พร้อมเงินเพิ่ม 318.20 บาท ไปชำระภายใน7 วันนับแต่วันรับหนังสือครั้นวันที่ 1 มิถุนายน 2526โจทก์จึงอุทธรณ์การประเมินภาษีป้ายต่อผู้ว่าราชการจังหวัดจำเลยที่ 3 โดยยื่นแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1ตามเอกสารหมาย จ.7 จำเลยที่ 1 มีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ อ้างว่าเลยระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้แล้ว โจทก์จึงฟ้องคดีนี้ เห็นว่าหนังสือของจำเลยที่ 1 ลงวันที่ 1 มีนาคม 2526 ตามเอกสารหมาย จ.2ซึ่งโจทก์ได้รับเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2526 มีข้อความแสดงชัดแจ้งว่าเป็นหนังสือแจ้งการประเมินภาษีป้าย ส่วนหนังสือลงวันที่ 24พฤษภาคม 2526 ตามเอกสารหมาย จ.6 แผ่นที่ 2 เป็นการแจ้งให้โจทก์นำภาษีป้ายพร้อมเงินเพิ่มตามที่ได้แจ้งการประเมินแล้วไปชำระแก่จำเลยที่ 1 ภายใน 7 วันเท่านั้น หาใช่หนังสือแจ้งการประเมินไม่โจทก์ยื่นอุทธรณ์ต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2526จึงเกินกว่า 30 วันนับแต่วันที่โจทก์ได้รับแจ้งการประเมินตามเอกสารหมาย จ.2 แล้ว ที่โจทก์ฎีกาอ้างว่าการที่จำเลยที่ 1สั่งให้โจทก์นำเงินภาษีป้ายพร้อมเงินเพิ่มไปชำระตามเอกสารหมาย จ.6แผ่นที่ 2 ถือได้ว่าเป็นการที่เจ้าหนี้ได้ทำการอื่นใดอันมีผลเป็นอย่างเดียวกับการฟ้องคดี เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 อายุอุทธรณ์การประเมินจึงเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคม 2526 นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อฟังว่าหนังสือฉบับดังกล่าวมิใช่การแจ้งการประเมินแล้วก็ถือไม่ได้ว่า เป็นการที่เจ้าหนี้ได้ทำการอื่นใดเป็นอย่างเดียวกับการฟ้องคดีตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 173 ทั้งกำหนดเวลาอุทธรณ์การประเมินก็มิใช่อายุความจะนำบทบัญญัติเรื่องอายุความสะดุดหยุดลงมาปรับหาได้ไม่ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์ยื่อนอุทธรณ์การประเมินภาษีป้ายเกินกำหนดเวลาตามมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. 2510 ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ให้โจทก์ทั้งสองใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา 500 บาทแทนจำเลยที่ 1 ที่ 2.