คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5104/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ก่อนจำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ ศาลแพ่งได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดจำเลยในคดีล้มละลายแล้ว จึงเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวที่จะฟ้องร้องหรือต่อสู้คดีใด ๆเกี่ยวกับทรัพย์สินของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ในคดีล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 22(3) การที่จำเลยยื่นขอให้พิจารณาใหม่เป็นการต่อสู้คดีเกี่ยวกับทรัพย์สินของจำเลยที่ถูกโจทก์ฟ้องให้ชำระหนี้ จำเลยไม่มีสิทธิดำเนินการเอง เพราะเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ส่วนที่ศาลจะมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้าว่าคดีแทนตามมาตรา 25 ได้ต้องเป็นกรณีที่จำเลยได้ยื่นขอพิจารณาใหม่ไว้ก่อน แล้วถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในภายหลัง เมื่อจำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดก่อนยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ จึงไม่ต้องตามบทบัญญัติ มาตรา 25ที่ศาลจะต้องแจ้งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้ามาว่าคดีแทน.

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นลูกจ้างโจทก์ดำรงตำแหน่งผู้จัดการธนาคารโจทก์ สาขาราชวงศ์ จำเลยประมาทเลินเล่อในการอนุมัติให้ลูกค้าเบิกเงินเกินบัญชี เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 2,401,890.15 บาทพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยขาดนัดพิจารณาและขาดนัดในวันนัดสืบพยานโจทก์ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดและขาดนัดพิจารณาแล้วพิจารณาคดีไปฝ่ายเดียว
ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงินให้โจทก์จำนวน 896,392.28 บาท กับให้จำเลยชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน 349,312.18 บาท นับตั้งแต่วันที่ 5กรกฎาคม 2520 จนกว่าจะชำระให้โจทก์เสร็จ กับให้จำเลยชำระดอกเบี้ยในอัตราเดียวกันของต้นเงิน 547,080.20 บาท นับตั้งแต่วันที่ 12กรกฎาคม 2520 จนกว่าจะชำระให้โจทก์เสร็จ
เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2533 จำเลยได้ยื่นคำขอต่อศาลแรงงานกลางขอให้พิจารณาใหม่ โดยกล่าวอ้างว่า จำเลยไม่ทราบว่าถูกโจทก์ฟ้องคดีและไม่จงใจขาดนัดพิจารณา
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า จำเลยถูกศาลแพ่งธนบุรีมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้วตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2533 ในคดีล้มละลายหมายเลขดำที่ ล.107/2533 หมายเลขแดงที่ ล.114/2533 ระหว่างธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด โจทก์ นายยง กิตติการุณย์ จำเลย ตามสำเนาคำขอเอกสารท้ายคำคัดค้าน จำเลยจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 22 และ 24นอกจากนี้ จำเลยทราบว่าถูกฟ้องคดีแล้ว แต่จงใจหลบหนีและหลีกเลี่ยงการดำเนินคดีของโจทก์ ขอให้ยกคำร้อง
ในวันนัดไต่สวน ศาลแรงงานกลางสอบถามจำเลยแล้วจำเลยแถลงรับว่าจำเลยถูกศาลแพ่งธนบุรีสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เมื่อวันที่ 7สิงหาคม 2533 ตามคำคัดค้านของโจทก์จริง ศาลแรงงานกลางจึงมีคำสั่งยกคำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ก่อนจำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่นั้น เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2533 ศาลแพ่งธนบุรีมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดจำเลยในคดีล้มละลายหมายเลขดำที่ล.107/2533 คดีหมายเลขแดงที่ ล.114/2533 ระหว่างธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด โจทก์ นายยง กิตติการุณย์ จำเลย ดังนั้นจึงเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวที่จะฟ้องร้องหรือต่อสู้คดีใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้(จำเลย) ในคดีล้มละลายดังกล่าวตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 22(3) การที่จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ในคดีนี้เป็นการต่อสู้คดีเกี่ยวกับทรัพย์สินของจำเลยที่ถูกโจทก์ฟ้องให้ชำระหนี้จำเลยจึงไม่มีสิทธิดำเนินการเองได้ เพราะเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ส่วนการที่ศาลจะมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้าว่าคดีแทนจำเลยตามมาตรา 25 นั้นจะต้องเป็นกรณีที่จำเลยได้ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ไว้ก่อนแล้วและอยู่ในระหว่างการพิจารณาคำขอแล้วจำเลยได้ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในภายหลัง แต่ปรากฏว่าจำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2533 หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2533 จำเลยจึงได้ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่จึงไม่ต้องตามบทบัญญัติ มาตรา 25 ที่ศาลจะต้องแจ้งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้ามาว่าคดีตามที่จำเลยกล่าวอ้างในอุทธรณ์ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งยกคำขอของจำเลยชอบแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share