คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4384/2541

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

อุทธรณ์จำเลยสรุปได้ว่า สัญญาเช่าระหว่าง อ. กับ จำเลยเป็นสัญญาเช่าต่างตอบแทนยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา และมีผลผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนด้วยเหตุว่า เมื่อกรรมสิทธิ์ที่ดินโอนมาเป็นของโจทก์แล้วจำเลยได้นำค่าเช่า ไปชำระให้โจทก์ โจทก์ได้ออกใบเสร็จรับเงินค่าเช่านาให้ ย่อมแสดงชัดว่าโจทก์ยอมรับภาระผูกพันตามสัญญาเช่าต่างตอบแทน นั้นมาด้วย ดังนี้ ข้อกฎหมายที่จำเลยอ้างว่าสัญญาเช่า ต่างตอบแทนพิเศษยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดามีผลผูกพันโจทก์ ผู้รับโอนนั้นเป็นผลสรุปจากข้อเท็จจริงว่าโจทก์ได้ยอมรับ ภาระผูกพันในสัญญาเช่านั้นเพียงใดหรือไม่ อุทธรณ์จำเลยในข้อนี้จึงเป็นการโต้แย้งคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้น ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 224

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์และให้จำเลยชำระค่าเช่าในอัตราเดือนละ 8,000 บาท นับจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยและบริวารจะออกไปจากที่ดินของโจทก์
จำเลยให้การว่า ที่ดินพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของนายอุ่ม ย่ำเที่ยงเมื่อปี 2500 จำเลยได้เช่าที่ดินดังกล่าวในอัตราค่าเช่าปีละ 1,000 บาท ต่อมาจำเลยกับนายอุ่มจึงตกลงให้จำเลยเปลี่ยนสภาพที่ดินบางส่วนเป็นที่สวน ที่นาส่วนที่เหลือให้ปลูกพืชไร่และบ้านพักอาศัยด้วยค่าใช้จ่ายของจำเลยเอง กำหนดการเช่าตลอดชีวิตของจำเลยและให้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์บนที่ดินทั้งหมดตกเป็นกรรมสิทธิ์ของนายอุ่ม การเช่าระหว่างนายอุ่มกับจำเลยจึงเป็นการเช่าต่างตอบแทน และเมื่อกรรมสิทธิ์ในที่ดินตกเป็นของโจทก์ จำเลยก็ชำระค่าเช่าที่ดินให้แก่โจทก์เรื่อยมา โจทก์ซึ่งทราบถึงสัญญาต่างตอบแทนระหว่างนายอุ่มกับจำเลยจึงต้องให้จำเลยเช่าที่ดินพิพาทไปจนตลอดชีวิต โจทก์บอกเลิกการเช่าไม่ชอบ ค่าเสียหายที่ขอมาไม่เกินปีละ 1,000 บาท ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่ดินโฉนดเลขที่ 7375 ของโจทก์ และให้ชำระค่าเช่าให้โจทก์เดือนละ3,000 บาท นับจากวันฟ้อง (วันที่ 14 มิถุนายน 2538) เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะออกไปจากที่ดินของโจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกอุทธรณ์จำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่จำเลยฎีกาว่า อุทธรณ์ของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ขอให้ศาลฎีกาพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ที่ให้ยกอุทธรณ์ของจำเลยนั้นเห็นว่าอุทธรณ์จำเลยสรุปได้ว่าสัญญาเช่าระหว่างนายอุ่ม ย่ำเที่ยง กับจำเลยเป็นสัญญาเช่าต่างตอบแทนยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา และมีผลผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนด้วยเหตุว่าเมื่อกรรมสิทธิ์ในที่ดินโอนมาเป็นของโจทก์แล้วจำเลยได้นำค่าเช่าไปชำระให้โจทก์ โจทก์ได้ออกใบเสร็จรับเงินค่าเช่านาให้ตามเอกสารหมาย ล.2 ย่อมแสดงชัดว่าโจทก์ยอมรับภาระผูกพันตามสัญญาเช่าต่างตอบแทนนั้นมาด้วย ดังนี้ ข้อกฎหมายที่จำเลยอ้างว่าสัญญาเช่าต่างตอบแทนพิเศษยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดามีผลผูกพันโจทก์ผู้รับโอนนั้น เป็นผลสรุปจากข้อเท็จจริงว่าโจทก์ได้ยอมรับภาระผูกพันในสัญญาเช่านั้นเพียงใดหรือไม่ อุทธรณ์จำเลยจึงเป็นการโต้แย้งคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นในปัญหาข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกอุทธรณ์จำเลยนั้นจึงถูกต้องแล้วศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share