แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่โดยอ้างเหตุแต่เพียงว่าจำเลยไม่ทราบถึงการนัดสืบพยานโจทก์ของศาลเลยเนื่องจากจำเลยต้องออกไปทำธุรกิจนอกบ้านเป็นประจำ มาทราบว่าศาลมีคำพิพากษาเมื่อได้รับคำบังคับของศาลแล้วเท่านั้นดังนี้ เป็นการกล่าวแต่เพียงเหตุที่ตนได้ขาดนัดไม่มีข้อความตอนใดที่กล่าวถึงข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้นจึงเป็นคำร้องขอที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคสอง
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของรถบรรทุกหมายเลขทะเบียน 80 – 1584 อุบลราชธานี จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างขับรถคันดังกล่าวในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 โดยประมาท ชนรถจักรยานยนต์ที่โจทก์ขับพลิกคว่ำ โจทก์ได้รับบาดเจ็บถึงทุพพลภาพ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาศาลชั้นต้นพิจารณาคดีไปฝ่ายเดียว แล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้พิพากษาคดีใหม่
ศาลขั้นต้นยกคำร้อง
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า คำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่มีข้อความว่าจำเลยที่ 2 ไม่เคยได้รับหมายนัดสืบพยานโจทก์ของศาลชั้นต้นย่อมแสดงให้เห็นว่าการสืบพยานโจทก์ที่ได้กระทำไปไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาจึงเป็นการคัดค้านการดำเนินกระบวนพิจารณาและคำพิพากษาของศาลชั้นต้นแล้ว นั้นเห็นว่า คำร้องของจำเลยที่ 2 อ้างเหตุแต่เพียงว่า จำเลยที่ 2 ไม่ทราบถึงการนัดสืบพยานโจทก์ของศาลเลย เนื่องจากจำเลยต้องออกไปทำธุรกิจนอกบ้านเป็นประจำมาทราบว่าศาลได้มีคำพิพากษาคดีนี้ต่อเมื่อได้รับคำบังคับของศาลแล้วเท่านั้นจึงเป็นการกล่าวแต่เพียงเหตุที่ตนได้ขาดนัด ไม่มีข้อความตอนใดที่กล่าวว่าการสืบพยานของศาลชั้นต้นไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาแต่อย่างใด จำเลยที่ 2เพิ่งยกความข้อนี้ขึ้นอ้างอิงในชั้นอุทธรณ์ฎีกา ถือไม่ได้ว่าคำร้องของจำเลยที่ 2ได้กล่าวถึงข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้น จึงเป็นคำร้องขอที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคสอง ฎีกาจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าหมายความชั้นฎีกาแทนโจทก์