คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5103/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำปลอมหนังสือมอบอำนาจว่าผู้ตายให้จำเลยโอนขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทให้จำเลย จำเลยให้การต่อสู้ว่าหนังสือมอบอำนาจของผู้ตายเป็นหนังสือมอบอำนาจที่ถูกต้องแท้จริงอันมีเหตุอยู่ในตัวแล้วว่า หนังสือมอบอำนาจดังกล่าวไม่ใช่เอกสารปลอมและได้ให้การไว้ในตอนต้นถึงเหตุที่ผู้ตายโอนขายที่ดินพิพาทให้แก่ จำเลยเพราะเดิมผู้ตายถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทแทนบิดาและจำเลยคำให้การของจำเลยได้อ้างเหตุแห่งการ ปฏิเสธไว้แล้ว จำเลยจึงมีสิทธินำพยานเข้าสืบว่า หนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้องเป็นเอกสารที่แท้จริงได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จดทะเบียนสมรสกับนายพิเชฐ สินพิทักษ์กุลต่อมาวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๒๖ นายพิเชฐ ถึงแก่กรรม ก่อนถึงแก่กรรมนายพิเชฐ ทำพินัยกรรมยกกรรมสิทธิ์ในที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างบนที่ดิน๔ แปลง ให้แก่บุตรโจทก์ ๓ คน และให้โจทก์เป็นผู้จัดการมรดก วันที่๒๘ ธันวาคม ๒๕๒๕ จำเลยทั้งสามร่วมกันทำปลอมหนังสือมอบอำนาจว่านายพิเชฐ ให้จำเลยที่ ๑ โอนขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวให้จำเลยทั้งสาม จำเลยทั้งสามร่วมกันนำหนังสือมอบอำนาจปลอมดังกล่าวไปทำการโอนเมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๒๕ โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกมีหนังสือให้จำเลยจัดการโอนคืน จำเลยทั้งสามเพิกเฉยขอให้เพิกถอนการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างทั้งสี่แปลงให้กลับคืนสู่ฐานะเดิม และให้จำเลยทั้งสามพร้อมบริวารออกจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว
จำเลยให้การว่า จำเลยทั้งสามรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งสี่แปลงจากนายพิเชฐ โดยสุจริตเสียค่าตอบแทนและได้จดทะเบียนรับโอนต่อจากเจ้าพนักงานที่ดินโดยชอบด้วยกฎหมายตั้งแต่นายพิเชฐ ยังมีชีวิต ที่ดินทั้งสี่แปลงไม่ใช่มรดกของนายพิเชฐ โดยถูกจำหน่ายจ่ายโอนไปก่อนที่นายพิเชฐ เจ้ามรดกจะถึงแก่กรรม นอกจากนี้เดิมที่ดินพิพาทนายพิเชฐ ถือกรรมสิทธิ์แทนนายซิมยุ่งหงี้บิดานายพิเชฐและจำเลยทั้งสามซึ่งเป็นคนจีน ต่อมาบิดานายพิเชฐ ให้เงินนายพิเชฐ ไปลงทุนเป็นจำนวนมาก นายพิเชฐ จึงโอนขายที่ดินดังกล่าวให้จำเลยทั้งสามพินัยกรรมที่โจทก์อ้างเป็นพินัยกรรมปลอม และหนังสือมอบอำนาจของนายพิเชฐ เป็นหนังสือมอบอำนาจที่ถูกต้องแท้จริง โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฎีกาปัญหาข้อกฎหมายว่า ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นพิพาทว่า หนังสือมอบอำนาจท้ายฟ้องปลอมหรือไม่ โดยไม่ให้จำเลยนำพยานเข้าสืบในประเด็นนี้ เพราะจำเลยให้การปฏิเสธลอย ๆ โดยมิได้อ้างเหตุผล แต่ในชั้นพิจารณาศาลชั้นต้นยินยอมให้จำเลยนำพยานเข้าสืบและรับฟังเกี่ยวกับประเด็นนี้ คำเบิกความของพยานจำเลยเกี่ยวกับประเด็นนี้รับฟังไม่ได้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์อ้างว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันทำปลอมหนังสือมอบอำนาจว่านายพิเชฐให้จำเลยที่ ๑ โอนขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทให้จำเลยทั้งสามจำเลยทั้งสามให้การต่อสู้ หนังสือมอบอำนาจของนายพิเชฐ เป็นหนังสือมอบอำนาจที่ถูกต้องจริง ซึ่งก็มีเหตุอยู่ในตัวแล้วว่าหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวไม่ใช่เอกสารปลอม เป็นเอกสารที่นายพิเชฐ เป็นผู้ทำขึ้นถูกต้อง และได้ให้การไว้ในตอนต้นถึงเหตุที่นายพิเชฐโอนขายที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยทั้งสามเพราะเดิมนายพิเชฐ ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทแทนนายซิมยุ่งหงี้บิดานายพิเชฐและจำเลยทั้งสาม คำให้การของจำเลยทั้งสามได้อ้างเหตุแห่งการปฏิเสธไว้แล้วจำเลยทั้งสามจึงมีสิทธินำพยานเข้าสืบว่าหนังสือมอบอำนาจ ท้ายฟ้องเป็นเอกสารที่แท้จริง ดังนั้นที่ศาลชั้นต้นไม่ให้จำเลยนำพยานเข้าสืบในประเด็นนี้จึงไม่ถูกต้อง ซึ่งจำเลยทั้งสามก็ได้คัดค้านการกำหนดประเด็นดังกล่าวของศาลชั้นต้นไว้ และโจทก์จำเลยทั้งสามนำสืบข้อเท็จจริงในประเด็นนี้ไว้เพียงพอแก่การวินิจฉัยแล้วศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยไปเลยทีเดียวโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ แล้ววินิจฉัยข้อเท็จจริงว่านายพิเชฐ ได้มอบอำนาจให้จำเลยที่ ๑ จดทะเบียนโอนขายที่ดินของตนตามที่ระบุไว้ในหนังสือมอบอำนาจจริง
พิพากษายืน.

Share