แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
อย่างไรเรียกว่าทางหลวง
ทางหลวงทางเข้าออกในตลาดที่เป็นของเจ้าของตลาดทำให้สาธารณชนสัญจรเพื่อประโยชน์ค้าขายไม่ใช่ทางหลวงผู้ใดนำของมาวางกีดขวางยังไม่มีผิด
ที่ดิน
อย่างไรเรียกว่าอุทิศที่ให้เป็นทางสาธารณ
พ.ร.บ.ปกครองท้องที่อำเภอไม่มีอำนาจเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิที่ดินที่มีโฉนดได้
วิธีพิจารณาอาชญา
คดีผิดสัญญาหาเป็นความผิดทางอาชญาไม่ เงินพินัยที่จำเลยชำระแล้วเมื่อศาลลงตัดสินว่าไม่มีผิดต้องคืนให้จำเลย
ย่อยาว
ได้ความว่าจำเลยเช่าที่ของ ม.ตั้งร้านขายของอยู่ในตลาดบางคล้า ที่ดินที่ในตลาดนี้เป็นของเอกชนหลายเจ้าของ แล ม. มีที่ดินมีโฉนดรวมอยู่ด้วยแปลงหนึ่งเพื่อขยายทางในตลาดให้กว้าง เจ้าพนักงานจึงเรียกเจ้าของที่แลผู้เช่ามาตกลงปักเขตต์ขยายทางเดินจำเลย แล ม.ได้ลงชื่อในสัญญานี้ด้วย ต่อมาจำเลยวางของขายล้ำเขตต์ทางเดินในตลาดนี้ จึงมีปัญหาว่าจำเลยจะมีผิดตามกฎหมายอาชญา ม. ๓๓๖ ข้อ ๑ หรือข้อ ๑๓ หรือไม่
ศาลล่างทั้ง ๒ ตัดสินว่าจำเลยมีผิดตาม ม. ๓๓๖ ข้อ ๑ ให้ปรับ ๑๒ บาท แล จำเลยก็ได้นำเงินค่าปรับชำระเสร็จแล้วแต่ชั้นศาลเดิม
จำเลยฎีกาในข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาเห็นว่าทางเดินรายนี้เป็นทางเข้าออกได้ข้างเดียว แม้เป็นทางสำหรับสาธารณชนก็ดีต้องสันนิษฐานว่าสาธารณชนใช้สัญจรด้วยความเชื้อเชิญของ เจ้าของที่เพื่อประโยชน์ค้าขาย หาใช้เป็นทางโดยมีสิทธิตามกฎหมายไม่ ทั้งในโฉนดของ ม. ก็ไม่มีการสลักหลังหรือได้ปฏิบัติการตาม พ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดินอย่างใดไม่ ตามสัญญาที่เจ้าพนักงานทำนั้นก็ไม่มีข้อความแสดงว่า เจ้าของที่อุทิศที่ของตนให้เป็นสาธารณประโยชน์ อนึ่งกรมการอำเภอไม่มีอำนาจที่จะทำ ความตกลงเป็นลายลักษณอักษรเพื่อเปลี่ยนแปลงแก้ไขกรรมสิทธิในที่ดินซึ่งมีโฉนดแผนที่ได้ ซึ่งหน้าที่เช่นนี้เป็นของเจ้าพนักงานที่จะพึงทำ คดีนี้เป็นเรื่องผิดสัญญาเท่านั้น จำเลยยังไม่มีผิดตามกฎหมายอาชญาม. ๓๓๖ ข้อ ๑ หรือ ๑๓ จึงให้ยกฟ้องโจทก์ แลคืนเงินพินัยให้จำเลยไป