คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 508/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ชายทะเลน้ำท่วมถึงอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้น เมื่อโจทก์เข้าครอบครองทำประโยชน์มาก่อนจำเลย โจทก์ย่อมมีสิทธิดีกว่า และเมื่อจำเลยเข้าไปรบกวนสิทธิของโจทก์ให้ได้รับความเสียหายโจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายและขอให้ระงับการขัดขวางของจำเลยนั้นได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ครอบครองที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินมือเปล่าเนื้อที่ ๑๖ ไร่เศษ โดยใช้เป็นที่ขังน้ำทำนาเกลือและตัดฟืน จับกุ้งมานานแล้ว จำเลยได้บุกรุกเข้าแย่งการครอบครองจากโจทก์ ทำให้โจทก์เสียหาย จึงขอให้ห้ามจำเลยและบริวารมิให้เกี่ยวข้องกับที่พิพาท และให้ใช้ค่าเสียหาย
จำเลยที่ ๑ ต่อสู้ว่า ที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน โจทก์ไม่เคยเข้าครอบครอง จำเลยใช้ที่พิพาททำวังกุ้ง โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย และโจทก์มิได้เสียหาย
จำเลยที่ ๒ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นฟังว่า ที่พิพาทเป็นที่ชายทะเล น้ำท่วมถึง เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน โจทก์ครอบครองมาก่อนจำเลยจึงมีสิทธิดีกว่า จึงพิพากษาห้ามจำเลยทั้งสองและบริวารมิให้เกี่ยวข้องกับที่พิพาทและให้ใช้ค่าเสียหายบางส่วน
โจทก์และจำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน จำเลยย่อมมีสิทธิใช้ได้ในฐานะเป็นพลเมือง จึงพิพากษาแก้ เป็นให้ยกคำขอเฉพาะที่ขอห้ามมิให้จำเลยและบริวารเกี่ยวข้องกับที่พิพาท
โจทก์และจำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า ที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน และฟังว่าโจทก์ได้เข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่พิพาทมาก่อนจำเลย โจทก์จึงมีสิทธิในที่พิพาทดีกว่าจำเลย และเห็นว่า แม้ที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน แต่เมื่อโจทก์เข้าถือสิทธิเป็นเจ้าของอยู่โดยได้ทำคันกักน้ำเพื่อชักน้ำไปทำนาเกลือและจับกุ้งปลาในที่พิพาท เมื่อจำเลยได้จับกุ้งปลาในที่พิพาท จึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย อนึ่ง แม้ที่พิพาทจะเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน แต่เมื่อโจทก์ครอบครองมาก่อนจำเลย การที่จำเลยเข้าไปรบกวนสิทธิของโจทก์ให้ได้รับความเสียหาย โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องให้จำเลยระงับการขัดขวางที่เกิดขึ้นได้
จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share