คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 507/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คณะกรรมการสอบสวนหาผู้รับผิดทางแพ่งของโจทก์ได้สอบสวนแล้วมีความเห็นว่า ไม่สมควรมีผู้หนึ่งผู้ใดต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย เพราะเป็นเหตุสุดวิสัย โจทก์จึงไม่อาจรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัว ผู้จะพึง ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนได้ เมื่อกระทรวงการคลังแจ้งความเห็น ของคณะกรรมการสอบสวนหาผู้รับผิดทางแพ่ง ซึ่งตั้งขึ้นโดยคณะรัฐมนตรี ให้โจทก์ทราบว่าจำเลยขับรถโดยประมาทต้องรับผิดทางแพ่งวันใด จึง ถือได้ว่าโจทก์ทราบเหตุละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ ค่าสินไหมทดแทนในวันนั้น โจทก์ฟ้องคดีภายในหนึ่งปี คดีโจทก์จึง ยังไม่ขาดอายุความ.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถยนต์ของโจทก์ด้วยความประมาทชนกำแพงเรือนจำทหารเรือกรุงเทพเสียหาย และรถยนต์ของโจทก์เสียหายด้วย ขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การว่า เหตุที่รถยนต์ของโจทก์ชนกำแพงเรือนจำทหารเรือกรุงเทพไม่ได้เกิดจากความประมาทของจำเลย แต่เกิดจากเหตุสุดวิสัย คดีของโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า เหตุรถชนเกิดเพราะความประมาทของจำเลยแต่คดีโจทก์ขาดอายุความ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า คณะกรรมการสอบสวนหาผู้รับผิดทางแพ่งของโจทก์ได้สอบสวนแล้วมีความเห็นว่าไม่สมควรมีผู้หนึ่งผู้ใดต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายเพราะเป็นเหตุสุดวิสัย โจทก์จึงไม่อาจรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนได้ เมื่อกระทรวงการคลังแจ้งความเห็นของคณะกรรมการสอบสวนหาผู้รับผิดทางแพ่ง ซึ่งตั้งขึ้นโดยคณะรัฐมนตรีให้โจทก์ทราบว่า จำเลยขับรถโดยประมาทต้องรับผิดทางแพ่งวันใด จึงถือได้ว่าโจทก์ทราบเหตุละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนในวันนั้น โจทก์ฟ้องคดีภายในหนึ่งปี คดีโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ
พิพากษายืน.

Share