คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 506/2526

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยได้รับมอบเครื่องเพชรเพื่อจะนำไปขาย จำเลยมีสิทธิจะขายในราคาเท่าใดก็ได้ แต่ต้องนำเงินที่ขายได้มาชำระให้โจทก์ตามที่ตกลงกันหากขายไม่ได้ก็ต้องนำเครื่องเพชรมาคืน เมื่อจำเลยไม่คืนหรือชำระราคาเครื่องเพชรให้โจทก์ก็เป็นเพียงผิดสัญญาที่ตกลงกันไว้เท่านั้น ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 ให้จำคุกจำเลย 6 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนฟังว่า จำเลยได้รับเครื่องเพชรปรากฏรายการตามเอกสารหมาย จ.1 ไปจากโจทก์ เพื่อจะนำไปขาย ถ้าขายได้จะนำเงินมาชำระใน 1 เดือน ถ้าขายไม่ได้ก็จะนำเครื่องเพชรมาคืนภายใน 1 เดือนเช่นเดียวกัน ครั้นครบกำหนด จำเลยไม่นำมาคืนและนำไปจำนำเอาเงินมาเป็นประโยชน์ตนเสีย จำเลยกล่าวในฎีกาว่า แม้ฟังได้ดังนี้ สภาพของข้อตกลงเป็นการผิดสัญญาทางแพ่ง

พิเคราะห์แล้วเห็นได้ว่า เมื่อจำเลยได้รับมอบเครื่องเพชรไปแล้วจำเลยมีสิทธิที่จะขายเครื่องเพชรเหล่านั้นในราคาเท่าใดก็ได้ เพียงแต่จำเลยจะต้องนำเงินที่ขายได้มาชำระให้โจทก์ตามที่โจทก์ตกลงไว้กับจำเลยเท่านั้น หากขายไม่ได้ก็ต้องนำเครื่องเพชรมาคืนโจทก์ตามที่ตกลงกัน เมื่อจำเลยไม่คืนหรือชำระราคาเครื่องเพชรให้โจทก์ก็เป็นเพียงการผิดสัญญาที่ตกลงกันไว้เท่านั้น ซึ่งโจทก์มีสิทธิฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวได้รูปเรื่องไม่มีมูลเป็นความผิดทางอาญา ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 2739/2523 ระหว่าง พนักงานอัยการศาลแขวงพระนครใต้ โจทก์ นายเทียนชัย แต่ตรงจิตต์ โจทก์ร่วม นายพรชัย ศรีธเนศ จำเลย”

พิพากษากลับ ยกฟ้องโจทก์

Share