แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องจำเลย 2 คดี เมื่อคดีหนึ่งศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้นำโทษจำคุก 6 เดือน ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาเรื่องก่อนบวกเข้ากับโทษคดีดังกล่าวแล้วก่อนศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาคดีนี้ การที่ศาลอุทธรณ์นำโทษจำคุกของจำเลยที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาเรื่องก่อนบวกเข้ากับโทษคดีนี้อีก จึงไม่ชอบด้วย ป.อ. 58 วรรคแรก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2546 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง จำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ จำเลยทั้งสองร่วมกันพาอาวุธมีดปลายแหลม 1 เล่ม ติดตัวไปบริเวณหน้าโรงเรียนนนทรีวิทยา อันเป็นเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร และจำเลยทั้งสองใช้มีดปลายแหลมดังกล่าวขู่เข็ญนายวีรถ สาคะรินทร์ ผู้เสียหายว่า ในทันใดนั้นจะแทงประทุษร้ายขณะทำการชิงทรัพย์เอาเงินสดจำนวน 900 บาท ของผู้เสียหาย ทั้งนี้เพื่อความสะดวกแก่การลักทรัพย์หรือพาทรัพย์นั้นไป ให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์ ยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้ หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม ก่อนคดีนี้ เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2545 จำเลยที่ 2 ต้องคำพิพากษาคดีถึงที่สุดให้จำคุก 6 เดือน ปรับ 5,000 บาท โทษจำคุกรอการลงโทษมีกำหนด 2 ปี ตามคดีหมายเลขแดงที่ 1162/2545 ของศาลชั้นต้น ภายในกำหนดเวลาที่ศาลรอการลงโทษ จำเลยที่ 2 กลับมากระทำความผิดในคดีนี้อีก อันมิใช่ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ และจำเลยที่ 1 เป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยที่ 2 ส่วนจำเลยที่ 2 เป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยที่ 1 ในคดีหมายเลขดำที่ 5853/2546 ของศาลชั้นต้น ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339, 371, 83, 58 บวกโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีหมายเลขแดงที่ 1162/2545 ของศาลชั้นต้นเข้ากับโทษของจำเลยที่ 2 ในคดีนี้ กับนับโทษของจำเลยทั้งสองในคดีนี้ต่อจากโทษของจำเลยทั้งสองในคดีหมายเลขดำที่ 5853/2546 ของศาลชั้นต้น และให้จำเลยทั้งสองคืนหรือใช้ราคาทรัพย์จำนวน 900 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ แต่ก่อนสืบพยาน จำเลยทั้งสองขอถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่เป็นการรับสารภาพ และรับว่าจำเลยทั้งสองเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ และจำเลยที่ 2 เป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้บวกโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสอง, 371, 83 การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธให้จำคุกคนละ 10 ปี กระทงหนึ่ง และฐานพาอาวุธมีดไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันสมควร ปรับคนละ 100 บาท อีกกระทงหนึ่ง จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้คนละกระทงกึ่งหนึ่ง คงจำคุกคนละ 5 ปี ปรับคนละ 50 บาท เมื่อปรับไม่ถึง 200 บาท ย่อมไม่อาจกักขังแทนค่าปรับได้ ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามมาตรา 29 ให้จำเลยทั้งคืนหรือใช้ราคาทรัพย์จำนวน 900 บาท แก่ผู้เสียหาย ให้นับโทษจำคุกจำเลยทั้งสองในคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยทั้งสองในคดีหมายเลขแดงที่ 7755/2546 ของศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บวกโทษจำคุก 6 เดือน ของจำเลยที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1162/2545 ของศาลชั้นต้นเข้ากับโทษของจำเลยที่ 2 ในคดีนี้ รวมเป็นโทษจำคุกจำเลยที่ 2 กำหนด 5 ปี 6 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามตำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 เพียงประการเดียวว่า ศาลอุทธรณ์นำโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1162/2545 ของศาลชั้นต้นบวกเข้ากับโทษของจำเลยที่ 2 ในคดีนี้ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ โดยจำเลยที่ 2 ฎีกาว่า โทษจำคุก 6 เดือนที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1162/2545 ของศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นได้นำไปบวกกับโทษจำคุกของจำเลยที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 7755/2546 ของศาลชั้นต้นแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์นำโทษจำคุกที่รอไว้ดังกล่าวมาบวกกับโทษจำคุกของจำเลยที่ 2 ในคดีนี้อีกจึงเป็นการเพิ่มโทษจำเลยที่ 2 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58 วรรคแรก บัญญัติว่า “…ภายในเวลาที่ศาลกำหนดตามมาตรา 56 ผู้ที่ถูกศาลพิพากษาได้กระทำความผิดอันมิใช่ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษและศาลพิพากษาให้ลงโทษจำคุกสำหรับความผิดนั้น ให้ศาลที่พิพากษาคดีหลัง…บวกโทษที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนเข้ากับโทษในคดีหลัง…” และตามสำเนาภาพถ่ายคำพิพากษาคดีอาญาหมายแดงที่ 7755/2546 ของศาลชั้นต้น ท้ายอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ซึ่งโจทก์ไม่แก้อุทธรณ์คัดค้าน ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ศาลชั้นต้นในคดีดังกล่าวได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2546 ให้นำโทษจำคุก 6 เดือน ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1162/2545 ของศาลชั้นต้นบวกเข้ากับโทษคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 7755/2546 ของศาลชั้นต้นก่อนศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษา ดังนั้น เมื่อศาลชั้นต้นได้นำโทษจำคุกของจำเลยที่ 2 ที่รอการลงโทษไว้บวกเข้ากับโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 7755/2546 แล้ว จึงเป็นกรณีที่ศาลพิพากษาคดีหลังบวกโทษที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนเข้ากับโทษในคดีหลังแล้ว ตามมาตรา 58 วรรคแรก โทษจำคุกของจำเลยที่ 2 ที่รอการลงโทษไว้ได้ถูกบังคับโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 7755/2546 ของศาลชั้นต้น จึงไม่อาจนำโทษจำคุกที่รอการลงโทษมาบวกโทษซ้ำในคดีนี้ได้อีก เพราะทำให้จำเลยที่ 2 ได้รับโทษเพิ่มขึ้น ที่ศาลอุทธรณ์นำโทษจำคุกของจำเลยที่ 2 ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1162/2545 ของศาลชั้นต้นเข้ากับโทษคดีนี้ จึงไม่ชอบด้วยมาตรา 58 วรรคสอง ฎีกาจำเลยที่ 2 ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่นำโทษจำคุก 6 เดือน ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1162/2545 ของศาลชั้นต้นบวกเข้ากับโทษของจำเลยที่ 2 ในคดีนี้ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.