คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 505/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยรับราชการเป็นภารโรงในกองหนังสือสำคัญกรมที่ดินมีหน้าที่ดูแลรักษาความสะอาด ปิดเปิดประตูหน้าต่างดูแลรักษาทรัพย์สมบัติของทางราชการโดยทั่วไปในกองหนังสือสำคัญ จำเลยเลื่อนขึ้นรับเงินเดือนตำแหน่งเสมียน แต่ยังคงทำงานในหน้าที่ภารโรงตามเดิม จำเลยเป็นผู้ถือลูกกุญแจตู้ที่เก็บของ และถือลูกกุญแจห้องที่ไขตู้ด้วย เสมียนในกองหนังสือสำคัญเป็นผู้มอบทรัพย์ให้จำเลยดูแลรักษาตามคำสั่งหัวหน้ากอง จำเลยได้เอาทรัพย์สิ่งของต่างๆ อันเป็นของใช้ในราชการกองหนังสือสำคัญ ซึ่งเก็บไว้ในตู้เก็บของไป ดังนี้ จำเลยย่อมมีผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 131

ย่อยาว

ความว่า จำเลยรับราชการเป็นภารโรงในกองหนังสือสำคัญกรมที่ดินมาก่อน มีหน้าที่ดูแลรักษาความสะดวกปิดเปิดประตูหน้าต่างดูแลรักษาทรัพย์สินของทางราชการโดยทั่วไปในกองหนังสือสำคัญ จำเลยเลื่อนขึ้นรับเงินเดือนตำแหน่งเสมียน แต่จำเลยยังคงทำงานในหน้าที่ภารโรงตามเดิม จำเลยเป็นผู้ถือลูกกุญแจตู้ที่เก็บของและถือกุญแจห้องที่ไขตู้นั้นด้วย นายแคล้วเสมียนในกองหนังสือสำคัญเป็นผู้มอบทรัพย์ที่จำเลยเอาไปให้จำเลยดูแลรักษาตามคำสั่งของหัวหน้ากอง จำเลยได้เอาทรัพย์สิ่งของต่าง ๆ อันเป็นของใช้ในราชการกองหนังสือสำคัญไปซึ่งเก็บไว้ในตู้เก็บของ โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 131, 319 พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณะอาญา พ.ศ. 2484 มาตรา 3 จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยลักทรัพย์ของกองหนังสือสำคัญไป แต่โจทก์ไม่ได้ขอให้ลงโทษฐานลักทรัพย์ พิพากษายกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยมีผิดตามมาตรา 319(1), 59 จำคุก 6 เดือนแต่ให้รอการลงอาญาไว้

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานเจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่ตามมาตรา 131 พิพากษาแก้ ให้จำคุกจำเลย 2 ปี ลดฐานรับสารภาพกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี

Share