แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนเลิกกัน ต้องจัดให้มีการชำระบัญชีหรือตกลงกันให้จัดการทรัพย์สินโดยวิธีอื่นในระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนด้วยกันก่อน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1061 วรรคแรก เพื่อให้ทราบว่ากิจการมีกำไรหรือขาดทุน หุ้นส่วนแต่ละคนมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งเท่าใดหรือจะต้องชดใช้ให้ห้างหุ้นส่วนเพียงใด แล้วจึงจะมีสิทธิเรียกร้องเอาเงินหรือทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนนั้นได้ การที่โจทก์ซึ่งเป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งของห้างหุ้นส่วนสามัญที่เลิกกันนำคดีมาฟ้องเรียกเงินปันผล และเงินค่าหุ้นจากผู้จัดการมรดกของผู้ถือหุ้นอื่นที่วายขนม์ไปแล้ว ทั้งๆ ที่ยังมิได้มีการชำระบัญชีหรือตกลงกันให้จัดการทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนโดยวิธีอื่นในระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนด้วยกันแต่อย่างใด นั้น เป็นการยังมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และนางนุ่มมารดาจำเลยเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนโรงสีไฟบั้นฮับ นางนุ่นตายห้างหุ้นส่วนสามัญโรงสีไฟบั้นฮับเลิกกัน ก่อนตายนางนุ่นในฐานะผู้จัดการมรดกของนายงู่กวางหรือศุภชัยได้ขายหุ้นที่นายงู่กวางถืออยู่ในบริษัทฟองเหลาไมฮง จำกัด แทนห้างหุ้นส่วนสามัญโรงสีไฟบั้นฮับจำนวน ๑๐๐ หุ้น พร้อมกับรับเงินปันผลที่ค้างเป็นเงิน ๔๓๒,๗๔๙ บาท ๒๐ สตางค์ และนางนุ่มไม่ยอมแบ่งเงินจำนวนนี้ให้โจทก์ จำเลยในฐานะทายาทรับมรดกต้องรับผิดคืนเงินจำนวนนี้ให้โจทก์เพื่อชำระหนี้บัญชีห้างหุ้นส่วนสามัญโรงสีไฟบั้นฮับ ขอให้บังคับจำเลยร่วมกันคืนเงิน ๔๓๒,๗๔๙ บาท ๒๐ สตางค์ พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ห้างหุ้นส่วนสามัญโรงสีไฟบั้นฮับเลิกกัน แต่มิได้มีการชำระบัญชี เพียงแต่โจทก์ตั้งผู้ชำระบัญชีขึ้นซึ่งโจทก์ไม่มีอำนาจตั้ง โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๕ ที่ ๖ และที่ ๗ ร่วมรับผิดในฐานะทายาทนางนุ่มผู้ตาย คืนเงิน ๔๓๒,๗๔๙ บาท ๒๐ สตางค์ พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ให้ยกฟ้องโจทก์เฉพาะจำเลยที่ ๔
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๕ ที่ ๖ และที่ ๗ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยทุกคนที่อุทธรณ์เสียด้วย แต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องใหม่ในทางที่ถูกต้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ทั้ง ๕ กับนางนุ่มมารดาจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๕ ที่ ๖ และที่ ๗ เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนโรงสีไฟบั้นฮับนางนุ่มตายเมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๑๔ ห้างหุ้นส่วนสามัญโรงสีไฟบั้นฮับเลิกกันผู้เป็นหุ้นส่วนที่เหลือตั้งนายประกอบเป็นผู้ชำระบัญชี แต่ยังไม่มีการชำระบัญชีกันและไม่ได้ตกลงกันให้จัดการทรัพย์สินโดยวิธีอื่นในระหว่างผู้เป็นหุ้นส่วนด้วยกัน โจทก์ฟ้องอ้างว่านางนุ่มในฐานะผู้จัดการมรดกของนายงู่กวางได้ขายหุ้นที่นายงู่กวางถือหุ้นอยู่ในบริษัทอันฟองเหลาไมฮง จำกัด แทนห้างหุ้นส่วนสามัญโรงสีไฟบั้นฮับ จำนวน ๑๐๐ หุ้น ให้แก่บุคคลอื่นพร้อมกับได้รับเงินปันผลที่ค้างอยู่ไปเป็นเงิน ๔๓๒,๗๔๙ บาท ๒๐ ่สตางค์ จำเลยซึ่งเป็นบุตรและทายาทผู้รับมรดกของนางนุ่มต้องรับผิดคืนเงินจำนวนนี้ให้โจทก์ เพื่อชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนสามัญโรงสีไฟบั้นฮับต่อไป ดังนี้ปัญหาเกี่ยวกับเงินจำนวนดังกล่าว แม้จะฟังว่าเป็นของห้างหุ้นส่วนสามัญโรงสีไฟบั้นฮับ แต่เนื่องจากห้างหุ้นส่วนยังมิได้มีการชำระบัญชีกัน ก็ไม่ทราบว่ากิจการของห้างหุ้นส่วนมีกำไรหรือขาดทุน หุ้นส่วนแต่ละคนมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งเท่าใดโดยเฉพาะนางนุ่มมารดาจำเลยผู้เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งจะได้รับเงินจากห้างหุ้นส่วนหรือจะต้องชดใช้ให้ห้างหุ้นส่วนเพียงใดหรือไม่ ในเมื่อหักลบกันแล้ว ทั้งผู้เป็นหุ้นส่วนก็มิได้ตกลงกันให้จัดการทรัพย์สินโดยวิธีอื่น และไม่ปรากฏว่าห้างหุ้นส่วนดังกล่าวถูกศาลพิพากษาให้ล้มละลาย ดังนั้น เมื่อห้างหุ้นส่วนสามัญโรงสีไฟบั้นฮับเลิกกัน โจทก์ชอบที่จะต้องจัดการให้มีการชำระบัญชีก่อนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๐๖๑ วรรค ๑ จึงจะมีสิทธิเรียกร้องเอาเงินหรือทรัพย์สินของห้างหุ้นส่วนนั้นได้ เมื่อโจทก์ยังมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าว ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย
พิพากษายืน