คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 418/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความผิดเกี่ยวกับการยุติธรรมตามประมวลกฎหมายอาญาภาค 2 ลักษณะ 3 เป็นความผิดอาญาแผ่นดิน มิใช่ความผิดอันยอมความได้ แม้โจทก์มรณะก็ไม่เป็นเหตุขัดข้องแก่การดำเนินคดีต่อไป ถือได้ว่าโจทก์ได้ฟ้องร้องแทนแผ่นดิน ศาลจึงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาต่อไปได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177, 180 (ซึ่งมาตรานี้ศาลชั้นต้นเคยยกฟ้องไปแล้วชั้นไต่สวนมูลฟ้อง) 181 ให้ลงโทษตามมาตรา 181 (2) อันเป็นบทหนัก จำคุก 8 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสี่คงจำคุก 6 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177, 181 (2) จำคุก4ปีลดโทษให้หนึ่งในสี่คงจำคุก 3 ปี ดังนี้ เป็นการแก้น้อย ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเบิกความอันเป็นเท็จและเป็นข้อสำคัญในคดีต่อศาลจังหวัดชลบุรี ในการพิจารณาคดีอาญาหมายเลขดำที่ ๑๘๑๐/๒๕๑๕ ของศาลจังหวัดชลบุรีข้อหาว่ากระทำความผิดฐานฆ่าและพยายามฆ่า ว่าโจทก์บอกจำเลยกับนายบุญตรงให้ไปยิงนายสำราญ ความจริงโจทก์ไม่เคยบอกเช่นนั้น ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๗๗, ๑๘๐, ๑๘๑
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว ประทับฟ้องเฉพาะข้อหาว่าเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๗๗, ๑๘๑ ส่วนข้อหาแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จตามมาตรา ๑๘๐ ไม่มีมูลให้ยกฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ ต่อมาเมื่อสืบพยานโจทก์ไปหมดแล้ว จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๗๗, ๑๘๐, ๑๘๑ ให้ลงโทษตามมาตรา ๑๘๑ (๒) บทหนักตามมาตรา ๙๐ จำคุก ๘ ปี ลดโทษให้ตามมาตรา ๗๘ หนึ่งในสี่ คงจำคุก ๖ ปี
โจทก์จำเลยอุทธรณ์ แต่โจทก์มรณะเสียก่อน ศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีโดยไม่มีผู้ใดเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ผู้มรณะ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๗๗, ๑๘๑ (๒) จำคุก ๔ ปี ลดโทษให้ตามมาตรา ๗๘ หนึ่งในสี่คงจำคุก ๓ ปี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยในข้อที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ตายแล้ว ไม่มีผู้ใดดำเนินคดีแทน ศาลจะดำเนินคดีต่อไปไม่ได้ ชอบที่จะมีคำสั่งจำหน่ายคดีนั้นว่าความผิดที่โจทก์ฟ้องจำเลย เป็นความผิดเกี่ยวกับการยุติธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญา ภาค ๒ ลักษณะ ๓ อันเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน มิใช่ความผิดอันยอมความได้แม้โจทก์มรณะก็ไม่เป็นเหตุขัดข้องแก่การดำเนินคดีต่อไป ถือได้ว่าโจทก์ได้ฟ้องร้องแทนแผ่นดิน ศาลจึงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาต่อไปได้ ส่วนในข้อที่จำเลยฎีกาโต้เถียงเรื่องจำเลยมิได้สารภาพโดยสมัครใจก็ดี หรือขอให้รอการลงโทษแก่จำเลยก็ดี เป็นฎีกาในข้อเท็จจริงและกรณีดังกล่าวศาลฎีกาเห็นว่าเป็นการแก้น้อย ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๘
พิพากษายืน

Share