คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 503/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทั้งสองมีสถานที่จำหน่ายตั๋วโดยสารและจำหน่ายตั๋วโดยสารให้แก่ผู้โดยสารเป็นรายบุคคล เมื่อเส้นทางเดินรถของจำเลยทับเส้นทางของโจทก์ที่ 1 ที่ให้โจทก์ที่ 2 ถึงโจทก์ที่ 6 ประกอบการเดินรถร่วมกับโจทก์ที่ 1 การกระทำของจำเลยทั้งสองย่อมเป็นการละเมิดแก่โจทก์ทั้งหก แม้ในคดีอาญาศาลจะไม่ได้พิพากษาลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 40 เนื่องจากโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องก็ตาม.

ย่อยาว

โจทก์ทั้งหกฟ้องว่า จำเลยทั้งสองนำรถยนต์โดยสารเข้ามาแล่นรับส่งคนโดยสารในเส้นทางที่โจทก์ได้รับอนุญาตให้ประกอบการขนส่งประจำทางด้วยรถโดยสาร เป็นการละเมิดโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองไม่ให้กระทำการดังกล่าวอีกต่อไป และให้ร่วมกันใช้ค่าเสียหายนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะหยุดดำเนินการดังกล่าวให้แก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า ไม่ได้ร่วมกันนำรถยนต์โดยสารเข้ามารับส่งคนโดยสารในเส้นทางของโจทก์ ไม่ได้ละเมิดโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งหกอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ และห้ามมิให้จำเลยทั้งสองนำรถยนต์โดยสารเข้ามารับส่งคนโดยสารและเก็บค่าโดยสารในลักษณะที่เป็นการแข่งขันหรือแย่งผลประโยชน์กับโจทก์ทั้งหกในเส้นทางตามฟ้องอีกต่อไปคำขอข้ออื่นให้ยก
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายโดยฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ที่ 1ได้รับสัมปทานให้ประกอบการขนส่งด้วยรถโดยสารในเส้นทางต่าง ๆทั่วประเทศ โจทก์ที่ 2 ถึงที่ 5 เป็นผู้ประกอบการเดินรถร่วมกับโจทก์ที่ 1 ในเส้นทางพิพาทสายที่ 54 และ 907 จากกรุงเทพมหานครถึงจังหวัดฉะเชิงเทรา และโจทก์ที่ 6 เป็นผู้ประกอบการเดินรถร่วมกับโจทก์ที่ 1 ในเส้นทางพิพาทสายที่ 309 จากจังหวัดฉะเชิงเทรา ถึงอำเภออรัญประเทศ จำเลยที่ 1 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 2จำเลยทั้งสองได้รับอนุญาตให้ประกอบการขนส่งไม่ประจำทางเมื่อปลายปี 2523 เจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองฉะเชิงเทรา และสถานีตำรวจนครบาลมีนบุรี จับกุมผู้ขับรถยนต์โดยสารของจำเลยทั้งสอง และดำเนินคดีแก่จำเลยที่ 1 ในข้อหานำรถยนต์โดยสารรับส่งคนโดยสารผิดประเภท โดยนำรถเข้ารับส่งคนโดยสารในเส้นทางพิพาทดังกล่าว คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยว่าจำเลยทั้งสองทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งหกหรือไม่ และฟังข้อเท็จจริงต่อไปว่าในช่วงเกิดเหตุคดีนี้ นายเฉลิม ไม่ได้ทำสัญญาเช่ารถยนต์ของจำเลยทั้งสองไปรับส่งคนโดยสารในเส้นทางที่โจทก์ได้รับอนุญาตให้ประกอบการเดิน รถยนต์ รับส่งคนโดยสาร แต่จำเลยทั้งสองเป็นผู้ดำเนินการเองในการนำรถยนต์เข้าแล่นรับส่งคนโดยสารในเส้นทางของโจทก์ โดยมีสถานที่จำหน่ายตั๋วโดยสารและจำหน่ายตั๋วโดยสารให้แก่ผู้โดยสารเป็นรายบุคคล เมื่อเส้นทางเดินรถของจำเลยทั้งสองทับเส้นทางของโจทก์ที่ 1 ที่ให้โจทก์ที่ 2 ถึงโจทก์ที่ 6 ประกอบการเดินรถร่วมกับโจทก์ที่ 1 แม้ในคดีอาญาศาลจะไม่ได้พิพากษาลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 40 ดังที่จำเลยทั้งสองฎีกา ก็เป็นเรื่องที่ศาลวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องไม่มีผลเปลี่ยนแปลงข้อวินิจฉัยในคดีนี้ การกระทำของจำเลยทั้งสองถือได้ว่าเป็นการละเมิดต่อโจทก์ทั้งหกแล้ว ต้องร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ทั้งหก ฯลฯ
พิพากษายืน.

Share