คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2342/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การตีความว่าของใด อยู่ในพิกัดประเภทใด ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด สินค้าที่จำเลยนำเข้าเป็นอลูมิเนียมแผ่นกลมมีรูตรงกลาง ใช้สำหรับทำหลอดยาสีฟัน จึงเป็นสินค้าที่มีลักษณะเป็นแผ่นที่จัดเตรียมไว้เพื่อทำหลอดทำด้วยอลูมิเนียมตามรายการที่ระบุไว้ในพิกัด ประเภทที่ 76.06 จะตี ความว่าเข้าอยู่ในพิกัดประเภทที่ 76.16 ซึ่ง ระบุไว้กว้าง ๆ โดยโจทก์อาศัยหลักเกณฑ์อื่นนอกเหนือจากที่กฎหมายกำหนดไว้มาตีความย่อมไม่ถูกต้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยนำสินค้าทำด้วยอะลูมิเนียมเข้ามาในราชอาณาจักรและสำแดงประเภทพิกัดเป็นพิกัดที่ ๗๖.๐๖ อัตราอากรร้อยละ ๑๕ ที่ถูกต้องแล้วสินค้าดังกล่าวเป็นของอื่น ๆ ที่ทำด้วยอะลูมิเนียม ซึ่งเป็นสินค้าตามประเภทพิกัดที่ ๗๖.๑๖ ข. อัตราอากรร้อยละ ๓๐ การสำแดงรายการในใบขนสินค้าขาเข้า ไม่ถูกต้อง ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินอากรขาเข้าภาษีการค้า ภาษีบำรุงเทศบาลที่ขาดจำนวนกับเงินเพิ่มเป็นเงิน ๘๔๐,๒๖๙.๗๔ บาท พร้อมเงินเพิ่มภาษีอากรอัตราร้อยละ ๑ ต่อเดือน ของภาษีการค้าที่ขาดอยู่จำนวน ๒๒๖,๐๘๑.๙๔ บาท กับเงินเพิ่มภาษีบำรุงเทศบาลในอัตราร้อยละ ๑๐ ของเงินเพิ่มภาษีการค้าดังกล่าว นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า สินค้าที่จำเลยนำเข้ามิใช่เป็นสินค้าตามประเภทพิกัดที่ ๗๖.๑๖ ข. แต่เป็นสินค้าแผ่นอะลูมิเนียมทำเป็นรูปวงกลม เจาะรู เพื่อใช้ทำหลอดยาสีฟัน ตรงกับพิกัดที่ ๗๖.๐๖ จำเลยไม่ต้องชำระภาษีอากรและเงินเพิ่มตามฟ้อง และหากจำเลยจะต้องชำระค่าภาษีในพิกัดที่ ๗๖.๑๖ ข. จำเลยก็ไม่ต้องชำระเงินเพิ่มเพราะไม่มีเจตนาหลีกเลี่ยงการชำระภาษี ขอให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงยุติว่าสินค้าที่จำเลยนำเข้าทั้ง ๔ คราว ตามที่ฟ้องนั้นเป็นอะลูมิเนียมสลั๊กมีลักษณะเป็นแผ่นกลมเรียบมีรูตรงกลาง ๆ ระบุในใบขนว่าใช้ทำหลอดบรรจุยาสีฟันพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๐๓ มาตรา ๔ วรรคแรก กำหนดให้เรียกเก็บและเสียภาษีอากรตามที่กำหนดไว้ในพิกัดอัตราอากรตามท้ายพระราชกำหนดซึ่งในพิกัดประเภทที่ ๗๖.๐๖ ในช่องรายการระบุว่า”หลอด ท่อ และแผ่นที่จัดเตรียมไว้เพื่อทำหลอดหรือท่อทำด้วยอาลูมิเนียม รวมทั้งอาลูมิเนียมที่ทำเป็นแท่งกลวง
– หลอด ท่อ และที่ทำเป็นแท่งกลวง
– อื่น ๆ ”
ส่วนในพิกัดประเภทที่ ๗๖.๑๖ ในช่องรายการระบุว่า “ของอื่น ๆทำด้วยอาลูมิเนียม
ก. ของประดับกาย และของใช้ซึ่งตามปกติเป็นของติดตัวซึ่งมิได้ระบุไว้ ในประเภทอื่น
– ของประดับกาย
– อื่น ๆ
ข. อื่น ๆ
– ถัง
– เครื่องประดับเครื่องแต่งกาย
– เครื่องประดับอย่างอื่น
– เครื่องมือเครื่องใช้ประจำบ้าน
– ปลอกอาลูมิเนียมที่ใช้ในการผลิตดินสอ
– อื่น ๆ
พระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๐๓ มาตรา ๑๒ วรรคสองบัญญัติว่า “การตีความให้ถือตามหลักเกณฑ์การตีความพิกัดอัตราศุลกากรในภาค ๑ ท้ายพระราชกำหนดนี้” ซึ่งภาค ๑ ข้อ ๓ หลักเกณฑ์การตีความพิกัดอัตราศุลกากรกำหนดว่า “ถ้าเห็นว่าของชนิดใดอาจจัดเข้าได้สองประเภทหรือมากกว่านั้น จะด้วยเหตุผลประการใดก็ตามให้ถือหลักการจำแนกประเภทดังนี้
(ก) ถ้าประเภทหนึ่งระบุลักษณะของของไว้โดยชัดแจ้ง และอีกประการหนึ่งระบุไว้อย่างกว้าง ๆ ให้จัดเข้าในประเภทที่ระบุไว้โดยชัดแจ้ง…” ดังนั้นการตีความว่าของใดจะอยู่ในประเภทใดจึงต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายดังกล่าวข้างต้นกำหนดไว้ ไม่อาจจะนำหลักที่นอกเหนือจากที่กำหนดมาเป็นกฎเกณฑ์ในการตีความได้ในเมื่อสินค้าที่จำเลยนำเข้าเป็นอะลูมิเนียมแผ่นกลมเรียบมีรูตรงกลางใช้สำหรับทำหลอดยาสีฟัน จึงเป็นสินค้าที่มีลักษณะเป็นแผ่นที่จัดเตรียมไว้เพื่อทำหลอดที่ทำด้วยอะลูมิเนียมตามรายการที่ระบุไว้ในพิกัดประเภทที่ ๗๖.๐๖ โดยชัดแจ้ง จะตีความว่าเข้าอยู่ในพิกัดประเภทที่ ๗๖.๑๖ ซึ่งระบุไว้กว้าง ๆ โดยอาศัยหลักเกณฑ์อื่นตามที่โจทก์อ้างนั้นเป็นการตีความที่ไม่ถูกต้อง โจทก์ที่ ๑ จึงไม่อาจจะเรียกเก็บอากรในพิกัดประเภทที่ ๗๖.๑๖ ได้ เมื่อโจทก์ที่ ๑ไม่อาจเรียกเก็บอากรเพิ่มขึ้นได้แล้ว โจทก์ที่ ๒ ก็ไม่อาจเรียกเก็บภาษีการค้าเพิ่มขึ้นได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้งสองมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของโจทก์ทั้งสองฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share