คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5010/2549

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ให้จำเลยกู้ยืมเงินโดยคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือน หรือเท่ากับร้อยละ 24 ต่อปี เกินกว่าอัตราตามกฎหมายย่อมเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2475 มาตรา 3 (ก) เมื่อไม่ปรากฏว่าการสั่งจ่ายเช็คแต่ละฉบับตามฟ้องแยกเป็นการชำระเงินต้นเท่าใด ชำระดอกเบี้ยเท่าใด จึงถือว่าเช็คตามฟ้องที่จำเลยสั่งจ่ายแก่โจทก์ได้รวมดอกเบี้ยที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเอาไว้ด้วย แม้ธนาคารตามเช็คจะปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค จำเลยก็ไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 มาตรา 4

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสามสำนวน ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 มาตรา 4 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยทั้งสามสำนวนไม่ได้ให้การ ถือว่าจำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 มาตรา 4 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รวม 7 กระทง ลงโทษจำคุกกระทงละ 1 เดือน รวมจำคุก 7 เดือน
จำเลยทั้งสามสำนวนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน
จำเลยทั้งสามสำนวนฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยฎีกาในประการต่อมาว่า เช็คตามฟ้องทั้ง 7 ฉบับ ได้รวมดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ด้วย จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ข้อนี้ได้ความจากตัวโจทก์ว่าโจทก์มีอาชีพปล่อยเงินกู้ด้วย คิดดอกเบี้ยจากผู้กู้ในอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือน สำหรับสัญญากู้ยืมเงินเอกสารหมาย จ.2 ที่ทำกับจำเลยนั้น ระบุว่าจำเลยกู้ยืมเงินจากโจทก์จำนวน 450,000 บาท เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2539 กำหนดชำระเงินกู้ยืมคืนภายในวันที่ 7 ตุลาคม 2539 โดยโจทก์เบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านว่า ในวันทำสัญญากู้ยืมเงินได้หักดอกเบี้ยที่คิดจากจำเลยในอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือน เป็นเวลา 3 เดือน เป็นเงิน 27,000 บาท ได้มอบเงินสดแก่จำเลย 450,000 บาท แล้วจำเลยคืนเงินค่าดอกเบี้ยแก่โจทก์ 27,000 บาท จำเลยคงได้รับเงินไปจากโจทก์ในวันนั้น 423,000 บาท ดังนี้ เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า โจทก์ให้จำเลยกู้ยืมเงินโดยคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือน หรือเท่ากับร้อยละ 24 ต่อปี เกินกว่าอัตราตามกฎหมายย่อมเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2475 มาตรา 3 (ก) เมื่อไม่ปรากฏว่าการสั่งจ่ายเช็คแต่ละฉบับตามฟ้องแยกเป็นการชำระเงินต้นเท่าใด ชำระดอกเบี้ยเท่าใด จึงถือว่าเช็คตามฟ้องทั้ง 7 ฉบับ ที่จำเลยสั่งจ่ายแก่โจทก์ได้รวมดอกเบี้ยที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเอาไว้ด้วยทุกฉบับ แม้ธนาคารตามเช็คจะปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คทั้ง 7 ฉบับ จำเลยก็ไม่มีความผิดตามฟ้อง ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย”
พิพากษากลับให้ยกฟ้อง.

Share