คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5/2538

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ที่ดินเป็นทรัพย์มรดกของ ส. ซึ่งมีทายาทคนอื่นนอกจากโจทก์และจำเลยเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย และโจทก์กับจำเลยถือกรรมสิทธิ์ในมรดกแทนทายาทคนอื่นด้วย เมื่อโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยผู้เดียวแบ่งแยกที่ดินให้แก่โจทก์ตามข้อตกลงซึ่งจำเลยจะต้องแบ่งที่ดินด้านทิศตะวันออกให้แก่โจทก์การกำหนดส่วนแบ่งตามคำขอของโจทก์จึงอาจมีผลกระทบถึงสิทธิ ของทายาทคนอื่นซึ่งมิได้เข้ามาในคดีได้ เพราะที่ดินทุกส่วน ทายาททุกคนต่างมีส่วนเป็นเจ้าของ สมควรให้เจ้าของรวมทุกคน ได้มีส่วนรู้เห็นและตกลงในการแบ่งด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1364 วรรคสอง เมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยคนเดียวให้แบ่งที่ดินตามที่จำเลยตกลงกับโจทก์เพียงสองคน คำขอของโจทก์จึงไม่อาจบังคับได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และจำเลยมีกรรมสิทธิ์รวมกันในที่ดินตามโฉนดเลขที่ 22390 เนื้อที่ 3 งาน 61 8/10 ตารางวา โดยจำเลยเป็นผู้เก็บรักษาโฉนดที่ดินไว้ เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2532โจทก์และจำเลยทำบันทึกข้อตกลงเรื่องแบ่งกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินแปลงดังกล่าวเจ้าพนักงานที่ดินนัดทำการรังวัดในวันที่ 28 มีนาคม2533 ครั้นถึงวันนัด ปรากฏว่าจำเลยเพิกเฉย ละเลย คัดค้านไม่ให้ความยินยอมในการรังวัด เป็นเหตุให้เจ้าพนักงานที่ดินไม่สามารถรังวัดแบ่งกรรมสิทธิ์รวมได้ โจทก์ได้รับความเสียหายขอให้บังคับจำเลยส่งมอบโฉนดที่ดินเลขที่ 22390 ให้แก่เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดจันทบุรี หากไม่ส่งมอบให้เจ้าพนักงานที่ดินดำเนินการออกโฉนดที่ดินหรือใบแทนโฉนดที่ดินแก่โจทก์และให้จำเลยให้ความยินยอมในการรังวัดแบ่งแยกกรรมสิทธิ์รวม หากไม่ให้ความยินยอมให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยและให้โจทก์ดำเนินการรังวัดแบ่งแยกกรรมสิทธิ์รวมไปฝ่ายเดียว
จำเลยให้การว่า ที่ดินตามฟ้อง บิดามารดาจำเลยซื้อมาเมื่อประมาณ 40 ปีแล้ว แต่ไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่และได้ครอบครองจนได้กรรมสิทธิ์แล้ว เมื่อบิดามารดาถึงแก่กรรมจึงเป็นทรัพย์มรดกตกทอดแก่ทายาท คือโจทก์จำเลยและพี่น้องร่มบิดามารดารวมทั้งหมด 5 คน โจทก์และจำเลยมิได้เป็นเจ้าของกรมสิทธิ์ร่วมกันเพียงสองคน ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2531 โจทก์และจำเลยไปติดต่อเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อแบ่งปันที่ดินให้แก่ทายาททุกคน ปรากฏว่าโฉนดที่ดินเป็นชื่อของนางบุญช่วย งามกิจเจ้าพนักงานที่ดินแนะนำให้ทำนิติกรรมอำพรางเป็นว่านางบุญช่วยงามกิจ โอนแบ่งแยกที่ดินขายให้แก่โจทก์และจำเลยหลังจากนั้นโจทก์และจำเลยไปติดต่อเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อแบ่งแยกเป็นสองส่วนทายาทอื่นจึงคัดค้าน การที่เจ้าพนักงานที่ดินไม่สามารถรังวัดแบ่งแยกที่ดินได้ มิใช่ความผิดของจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยแบ่งที่ดินโฉนดเลขที่ 22390 ตำบลเกาะขวางอำเภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี เนื้อที่ 3 งาน 61 8/10ตารางวา ตามฟ้องให้โจทก์กึ่งหนึ่ง ถ้าแบ่งไม่ได้ให้ขายโดยประมูลราคาระหว่างโจทก์และจำเลยหรือขายทอดตลาดโดยแบ่งเงินให้โจทก์กึ่งหนึ่ง จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงยุติว่าที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดกของนายสังข์ เมื่อนายสังข์ ถึงแก่ความตายที่ดินพิพาทจึงตกได้แก่ โจทก์ จำเลย นางเกษร พรหมมานางสร้อย เสวานนท์ นายสมาน เสวานนท์ ซึ่งเป็นทายาทของนายสังข์ โจทก์และจำเลยถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทแทนทายาทคนอื่นของนายสังข์ โจทก์และจำเลยได้ทำบันทึกข้อตกลงแบ่งกรรมสิทธิ์รวมโดยจะแบ่งที่ดินพิพาทออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งทางด้านทิศตะวันออกให้เป็นของโจทก์ และอีกส่วนหนึ่งให้เป็นของจำเลย ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.5 แต่เมื่อเจ้าพนักงานที่ดินไปทำการรังวัดแบ่งแยก จำเลยไม่ยอมแบ่งให้ ปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยมีว่า ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยแบ่งที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ เป็นการพิพากษานอกประเด็นแห่งคดีหรือไม่ คดีนี้ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้ว่าโจทก์มีสิทธิขอแบ่งแยกที่ดินพิพาทหรือไม่เพียงใด ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดกของนายสังข์โจทก์และจำเลยถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทแทนทายาททุกคนของนายสังข์ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องขอแบ่งที่ดินพิพาทกึ่งหนึ่งพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า แม้โจทก์และจำเลยจะถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทแทนทายาทคนอื่นของนายสังข์ด้วยก็ตาม แต่เมื่อจำเลยทำบันทึกข้อตกลงจะแบ่งที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์จำเลยก็ต้องไปแบ่งให้ตามข้อตกลง พิพากษากลับให้จำเลยแบ่งที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์กึ่งหนึ่ง เห็นว่า ตามประเด็นแห่งคดีที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้ดังกล่าวแล้วนั้น หากศาลเห็นว่า โจทก์มีสิทธิที่จะขอให้จำเลยแบ่งที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์เพียงใดศาลก็มีอำนาจที่จะพิพากษาให้จำเลยแบ่งให้โจทก์ได้เพียงนั้นดังนั้น หากศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์มีสิทธิจะขอให้จำเลยแบ่งที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ได้กึ่งหนึ่ง ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจที่จะพิพากษาให้จำเลยแบ่งให้โจทก์ได้ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงหานอกประเด็นดังที่จำเลยฎีกาไม่
อย่างไรก็ตามเนื่องจากที่ดินพิพาทเป็นทรัพย์มรดกของนายสังข์ซึ่งมีทายาทคนอื่นนอกจากโจทก์และจำเลยเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย และโจทก์กับจำเลยถือกรรมสิทธิ์ในทรัพย์มรดก คือ ที่ดินพิพาทแทนทายาทคนอื่นด้วย เมื่อคดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยผู้เดียวแบ่งแยกที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ตามข้อตกลงเอกสารหมาย จ.5ซึ่งจำเลยจะต้องแบ่งที่ดินพิพาทด้านทิศตะวันออกให้แก่โจทก์การกำหนดส่วนแบ่งตามคำขอของโจทก์จึงไม่อาจบังคับให้ได้ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยแบ่งที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์กึ่งหนึ่งจึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา”
พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

Share