คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4981/2553

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

การกระทำอันจะเป็นความผิดฐานพาอาวุธปืน ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง สิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 จะต้องเป็นการพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว และไม่ใช่กรณีที่จะต้องมีอาวุธปืนติดตัวเมื่อมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ เมื่อตามคำฟ้องโจทก์ข้อ 1 (ข) โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่าจำเลยพาอาวุธปืนไปในบริเวณหมู่ 5 ตำบลแม่เปิน กิ่งอำเภอแม่เปิน จังหวัดนครสวรรค์อันเป็นเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรจำเป็นเร่งด่วนแก่พฤติการณ์โดยฟ้องโจทก์ไม่ปรากฏว่าจำเลยพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวและไม่ใช่กรณีที่จะต้องมีอาวุธปืนติดตัวเมื่อมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ เพียงการพาอาวุธปืนไปโดยไม่มีเหตุอันสมควรหาเป็นความผิดตามบทกฎหมายดังกล่าวไม่ และการที่โจทก์บรรยายฟ้องข้อ 1 (ก) ว่าจำเลยมีอาวุธปืนแก๊ปเดี่ยวยาวจำนวน 1 กระบอก ไม่มีเครื่องหมายทะเบียนของนายทะเบียนประทับไว้ และเครื่องกระสุนปืนบรรจุอยู่ในลำกล้องปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนอาวุธปืน ก็ไม่อาจฟังได้ว่าจำเลยพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวดังที่โจทก์ฎีกา อันทำให้คำฟ้องในข้อ 1 (ข) ที่ไม่ครบองค์ประกอบความผิดแล้วเป็นคำฟ้องที่ครบองค์ประกอบความผิดได้ ฟ้องโจทก์จึงขาดองค์ประกอบความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง เป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5) แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพและคำขอท้ายฟ้องจะระบุอ้าง พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 8 ทวิ, 72 วรรคสอง ไว้ด้วย ก็ไม่อาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 91, 295, 371, 392 และริบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295, 371, 392 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 1 ปี และปรับ 3,000 บาท ฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร โดยไม่ได้รับใบอนุญาตเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 6 เดือนและปรับ 2,000 บาท ฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่น จำคุก 4 เดือน และปรับ 4,000 บาท ฐานทำให้ผู้อื่นตกใจกลัวโดยการขู่เข็ญ ปรับ 1,000 บาท รวมจำคุก 1 ปี 10 เดือน และปรับ 10,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา นับเป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 11 เดือน และปรับ 5,000 บาท พิเคราะห์รายงานการสืบเสาะและพินิจแล้ว จำเลยประกอบอาชีพเป็นกิจจะลักษณะ นิสัยและความประพฤติไม่มีข้อเสียหายร้ายแรง หลังเกิดเหตุจำเลยรู้สึกสำนึกในการกระทำผิดโดยไปขอโทษผู้เสียหายแล้ว และไม่ปรากฏว่าจำเลยต้องโทษจำคุกมาก่อน เพื่อให้โอกาสจำเลยกลับตนเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี กับให้คุมประพฤติจำเลยไว้ 1 ปี โดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติรวม 3 ครั้ง กับให้ทำงานบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์เป็นเวลา 24 ชั่วโมง ตามที่พนักงานคุมประพฤติและจำเลยเห็นสมควร ภายในกำหนดระยะเวลาคุมประพฤติตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลาง
โจทก์อุทธรณ์โดยอธิบดีอัยการฝ่ายคดีศาลสูงเขต 6 ซึ่งอัยการสูงสุดได้มอบหมายรับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง คงลงโทษฐานพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ให้ปรับ 100 บาท ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงปรับ 50 บาท เมื่อรวมกับความผิดฐานอื่นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว คงจำคุก 8 เดือนและปรับ 4,050 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…คดีมีปัญหาข้อกฎหมายที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยมีความผิดฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ หรือไม่ เห็นว่า การกระทำอันจะเป็นความผิดฐานพาอาวุธปืนตามพระราชบัญญัติดังกล่าว จะต้องเป็นการพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว และไม่ใช่กรณีที่จะต้องมีอาวุธปืนติดตัวเมื่อมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์เมื่อตามคำฟ้องโจทก์ข้อ 1 (ข) โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยพาอาวุธปืนไปในบริเวณหมู่ 5 ตำบลแม่เปิน กิ่งอำเภอแม่เปิน จังหวัดนครสวรรค์ อันเป็นเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรจำเป็นเร่งด่วนแก่พฤติการณ์ โดยฟ้องโจทก์ดังกล่าวไม่ปรากฏว่าจำเลยพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวและไม่ใช่กรณีที่จะต้องมีอาวุธปืนติดตัวเมื่อมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ เพียงการพาอาวุธปืนไปโดยไม่มีเหตุสมควรหาเป็นความผิดตามบทกฎหมายดังกล่าวไม่ และการที่โจทก์บรรยายฟ้องข้อ 1 (ก) ว่า จำเลยมีอาวุธปืนแก็ปเดี่ยวยาวจำนวน 1 กระบอก ไม่มีเครื่องหมายทะเบียนของนายทะเบียนประทับไว้และเครื่องกระสุนปืนบรรจุอยู่ในลำกล้องปืน ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนอาวุธปืน ก็ไม่อาจรับฟังได้ว่าจำเลยพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวดังที่โจทก์ฎีกา อันทำให้คำฟ้องในข้อ 1 (ข) ที่ไม่ครบองค์ประกอบความผิดแล้วเป็นคำฟ้องที่ครบองค์ประกอบความผิดได้ ฟ้องโจทก์จึงขาดองค์ประกอบความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง เป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพและคำขอท้ายฟ้องจะระบุอ้างพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 8 ทวิ, 72 วรรคสอง ไว้ด้วย ก็ไม่อาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้ได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share